Day1-4 สักการะศาลเจ้าหัวสิงโตขนาดใหญ่ที่ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” และเดินเที่ยวย่านดังในโอซาก้า “โดทงโบริ・ชินไซบาชิ”

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-4 สักการะศาลเจ้าหัวสิงโตขนาดใหญ่ที่ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” และเดินเที่ยวย่านดังในโอซาก้า “โดทงโบริ・ชินไซบาชิ”

OSAKA-KYOTO-KURAMA-UJI-OSAKA

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางไปยัง “สวนปราสาทโอซาก้า” สัมผัสธรรมชาติใจกลางเมืองโอซาก้า พร้อมชมสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจอย่าง “ศาลเจ้าโฮโกกุ”「HOKOKU(豊国神社)」หรือ แหล่งช้อปปิ้ง「MIRAIZA」ข้างๆ หอคอยปราสาทโอซาก้า จากนั้นก็ทานอาหารกลางวันเป็นเมนูโอโคโนมิยากิ อาหารขึ้นชื่อของโอซาก้าที่「JO-TERRACE OSAKA」แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

Day1-3 เที่ยวชมสถานที่ที่น่าสนใจภายใน “สวนปราสาทโอซาก้า”「OSAKA CASTLE PARK」

หลังจากที่ได้ทานอาหารกลางวันไปจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยัง “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ”「NAMBA YASAKA SHRINE(難波八坂神社)」และเที่ยวย่านดังของโอซาก้าที่ “โดทงโบริ・ชินไซบาชิ” กันแล้ว

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」ในตอนที่ 4 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ในโอซาก้ากับ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ”「NAMBA YASAKA SHRINE(難波八坂神社)」และย่าน “โดทงโบริ・ชินไซบาชิ”「DOTONBORI・SHINSAIBASHI」กันค่ะ

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ทานอาหารกลางวันเป็นเมนูโอโคโนมิยากิแสนอร่อยที่ร้าน「CHIBO(千房)」ใน「JO-TERRACE OSAKA」แล้ว เราจะมุ่งหน้าไปที่ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ”「NAMBA YASAKA SHRINE(難波八坂神社)」ศาลเจ้าที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนี้กัน

โดยวิธีการเดินทางจาก JO-TERRACE OSAKA ในสวนปราสาทโอซาก้า ไปยังสถานีนัมบะใกล้ๆ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” นั้นมีวิธีการเดินทางดังนี้

1.เดินทางจาก “สถานีโอซาก้าโจโคเอ็น” ด้วยรถไฟ JR สาย Osaka Loop Line ไปยัง “ชินอิมามิยะ” จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR สายยามาโทจิ (Yamatoji Line) จากชินอิมามิยะ ไปยัง “สถานี JR นัมบะ”

2.เดินทางจาก “สถานีโมริโนมิยะ” ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสายชูโอ (Chuo Line) ไปยัง “ฮนมาจิ” จากนั้นนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายมิโดซึจิ (Midosuji Line) จากสถานีฮนมาจิ ไปยัง “สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนัมบะ”

ในครั้งนี้ ICHIGO-CHAN มีตั๋ว OneDayPass「Enjoy eco card ticket 1 day」ที่สามารถใช้นั่งรถไฟใต้ดินภายในโอซาก้าทุกสาย และ “โอซาก้าซิตี้บัส” แบบไม่อั้นหนึ่งวันเต็มๆ เพราะฉะนั้นเราจะเลือกเดินทางด้วยวิธีการเดินทางที่ 2 กันค่ะ

ก่อนอื่นก็จะต้องเดินจาก JO-TERRACE OSAKA ออกไปจากสวนปราสาทโอซาก้า เพื่อเดินไปสถานีรถไฟฟ้าโมริโนมิยะกันค่ะ

ซึ่ง『การเดินทางภายในสวนปราสาทโอซาก้า』จะมียานพาหนะอยู่ 2 ชนิดคือ「ELECTRIC CAR」และ「ROAD TRAIN」ที่เชื่อมระหว่างภายในสวนและสถานที่ต่างๆ

โดย ROAD TRAIN จาก「JO-TERRACE OSAKA」ไปยังสถานีโมริโนมิยะจะวิ่งทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 9:00-17:00 น. ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีเท่านั้นก็ถึงทางเข้าสถานีโมริโนมิยะเลยค่ะ

ออกจากร้าน CHIBO(千房) มาก็จะเจอจุดขึ้น Road train เลย สามารถซื้อตั๋วขึ้นรถได้เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติบริเวณจุดขึ้นรถเลย ราคา 300 เยน

รอซักพัก Road train น่ารักๆ เหมือนเครื่องเล่นในสวนสนุกก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเลย หากเดินเท้าจาก JO-TERRACE OSAKA ไปยังสถานีโมริโนมิยะ ก็อาจต้องใช้เวลา 10 นาที แต่ถ้านั่ง Road train ก็จะใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นไปยังทางเข้าสถานีโมริโยมิยะ แถมยังไม่ต้องเดินให้เหนื่อยอีกด้วย

เมื่อลง Road train ที่ทางเข้าสถานีโมริโนมิยะแล้ว ก็ลงบันไดไปที่ช่องตรวจตั๋วกันเลย โดยยื่น「Enjoy eco card ticket 1 day」ที่ช่องตรวจตั๋วเพื่อเดินผ่านไป จากนั้นก็ลงบันไดที่อยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือเพื่อไปชานชาลารถไฟฟ้าใต้ดินสายชูโอ (Chuo Line) และขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปยัง「COSMOSQUARE」ไปลงสถานีที่ 3 ที่ “สถานีฮนมาจิ” เลย

รถไฟฟ้าใต้ดินสายชูโอ (Chuo Line) จะวิ่งทุกๆ 7 นาทีกว่า ซึ่งมีรถไฟวิ่งอยู่ 2 ชนิดคือ รถไฟสีขาวแถบสีส้มเทา และแถบสีเขียว ไม่ว่ารถไฟชนิดไหนก็ผ่าน “สถานีฮนมาจิ” เพราะฉะนั้นสามารถขึ้นรถไฟที่มาจอดทุกคันเลย นั่งไป 3 นาที ใช้เวลาเดินทาง 6 นาทีเพื่อไปลงที่ “สถานีฮนมาจิ”

เมื่อถึง “สถานีฮนมาจิ” แล้วก็เดินไปทางด้านหลัง ขึ้นบันไดเลื่อนไปและเดินไปตามทางเรื่อยๆ จากนั้นลงบันไดที่อยู่ด้านขวามือไปที่ชานชาลารถไฟฟ้าใต้ดินสายมิโดซึจิ (Midosuji Line) เลย เมื่อถึงชานชาลาแล้วก็ขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่「TENNOJI・NAKAMOZU」จากชานชาลาหมายเลข 1 ที่อยู่ทางขวามือเลย

สายมิโดซึจิ (Midosuji Line) ที่เชื่อมระหว่างทางเหนือและทางใต้ของโอซาก้านี้ ถือเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมระหว่าง “อุเมดะ” “ชินไซบาชิ” “นัมบะ” และ “เท็นโนจิ” ที่เป็นย่านหลักๆ ในโอซาก้า ซึ่งจะวิ่งทุกๆ 3 นาที ไม่ว่าขบวนไหนๆ ก็คนแน่นตลอดเกือบทั้งวันเลยค่ะ

จาก “ฮนมาจิ” ไปยัง “นัมบะ” นั้นสามารถนั่งเพียง 2 สถานีและใช้เวลาในการเดินทางเพียง 4 นาทีเท่านั้น เมื่อถึง “สถานีนัมบะ” แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ทางด้านหลังชานชาลา ขึ้นไปแล้วก็เดินไปทางช่องตรวจตั๋วด้านซ้ายมือ จากนั้นก็ออกจากประตูทางออกหมายเลข 1 และออกจากประตูทางออกหมายเลข 1 ทางซ้ายมือเพื่อขึ้นไปชั้นบนดิน เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินไปทางด้านซ้ายมือ เพื่อเดินไปทางสถานีรถไฟฟ้า NANKAI นัมบะ ตึกที่มีลูกกลมๆ อยู่บนหลังคาเลย

เมื่อข้ามทางม้าลาย เดินมาจนถึงหน้าสถานีรถไฟฟ้า NANKAI นัมบะ แล้วก็เดินไปทางขวามือ จากนั้นก็เดินลอดผ่านทางม้าลายใต้ทางด่วนไปอีกฝั่ง และตรงไปตามถนนใหญ่ประมาณ 5 นาทีก็จะเจอป้ายศาลเจ้าที่มีโทริอิเป็นสัญลักษณ์กำกับอยู่แบบในภาพล่างซ้าย ให้เดินข้ามถนนไปทางขวามือและตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอศาลเจ้ายอดนิยม “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ”『NAMBA YASAKA SHRINE(難波八坂神社)』อยู่ทางด้านขวามือเลย

 “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ”「NAMBA YASAKA SHRINE(難波八坂神社)」ที่โด่งดังจากศาลเจ้าหัวสิงโตขนาดใหญ่ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันในโลกโซเชียล

สิ่งที่ทำให้ศาลเจ้านี้มีความแตกต่างจากที่อื่นๆ ก็คือ ท่านสิงโตขนาดใหญ่อลังการกว่า 12 เมตร เทียบเท่าตึก 4 ชั้น โดยหัวสิงโตมีความเชื่อว่า ปากขนาดใหญ่นี้จะช่วยดูดโชคชะตาที่ไม่ดีออกไป ทำให้ได้โชคแห่งชัยชนะ จึงเป็นศาลเจ้าที่ให้โชคทางด้าน “การเงิน” “การแข่งขัน” “การเพิ่มโชค” “การเรียน” “การได้งาน” และ “การค้าขาย” นอกจากนี้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีงานเทศกาล「TSUNAHIKISHINJI(綱引神事)」จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนมกราคมของทุกปี(ในปีพ.ศ.2562 จัดขึ้นวันที่ 20 มกราคม) เป็นขนบธรรมเนียมที่ถูกสืบทอดมายาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งเป็นงานเทศกาลดึงเชือกที่จำลองเป็นเทพเจ้างู 8 หัว “ยามาตะ โนะ โอโรจิ” และแบกหามเพื่อแห่รอบเมืองโอซาก้า ที่คนโอซาก้าให้ความเลื่อมใสมาช้านาน

ไหนๆ ก็มาที่ศาลเจ้าแล้ว กราบไหว้สักการะกันซักหน่อยก็ดีนะคะ เมื่อมาถึงหน้าบริเวณศาลเจ้าหลัก(ที่มีระฆังและกล่องทำบุญอยู่หน้าอาคาร) โค้งคำนับเล็กน้อย 1 ครั้ง และโยนเหรียญใส่กล่องทำบุญ(ตามจิตศรัทธา โดยปกติประมาณ 5-50 เยน)จากนั้นสั่นสายระฆังที่ห้อยลงมา และทำการ

โค้งคำนับ 2:โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง

ปรบมือ 2:ปรบมือ 2 ครั้ง

โค้งคำนับ 1:อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 รอบ

และที่บริเวณสำนักงานศาลเจ้าก็จะมีเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่สามารถซื้อได้เฉพาะที่ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะแห่งนี้จำหน่ายอยู่อย่างเช่น “เครื่องรางหัวสิงโต”(500 เยน)หรือ “แผ่นไม้เอมะ : 絵馬”(500 เยน)

โดยด้านหน้าแผ่นไม้เอมะเป็นลายหัวสิงโตอยู่ และด้านหลังสามารถเขียนขอพรเพื่อถวายศาลเจ้าได้เลย ลองสังเกตุแผ่นไม้เอมะของคนอื่นๆ ดูเห็นภาษาไทยอยู่เยอะเหมือนกันนะคะ

เมื่อกราบไหว้สักการะที่ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” และถ่ายรูปไปเต็มที่แล้ว ต่อไปเราจะเดินทางไปยังย่านดังของโอซาก้าที่ย่าน「SHINSAIBASHI・DOTONBORI AREA」กันเลย การเดินทางจาก “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” ไปยัง “ย่านชินไซบาชิ・โดทงโบริ” นั้นสามารถเดินเท้าไปได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น โดยออกจากศาลเจ้าไปทางซ้ายมือ เดินไปจนถึงสามแยกและเลี้ยวไปทางขวามือ ซักพักก็จะออกไปสู่ถนนใหญ่ ให้เดินไปทางซ้ายมือ ซักพักก็จะเจอทาง 5 แยก ให้เดินข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่งก่อน จากนั้นก็เดินข้ามไปทางซ้ายมือ และเดินเยื้องไปทางขวาเลยค่ะ

จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนออกมาสู่หน้าสถานีรถไฟฟ้า NANKAI นัมบะ และเดินเรียบสถานีไปเรื่อยๆ จนเจอทางม้าลาย เดินข้ามไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่ย่านร้านค้าเลย และเมื่อเดินผ่านย่านร้านค้าที่มีทั้งร้านนาฬิกา ร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง หรือคาเฟ่ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่บริเวณกว้างๆ ที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่สะพานเอบิซุบาชิ ศูนย์กลางย่านโดทงโบริ・ชินไซบาชิเลย

ซึ่ง “สะพานเอบิซุบาชิ” แห่งนี้เป็นจุดที่เพื่อนๆ สามารถถ่ายรูปคู่กับสัญลักษณ์ของโอซาก้าอย่าง “ป้ายกูลิโกะ” ได้ เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง “โดทงโบริ” ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารต่างๆ มากมายอย่างเช่น ทาโกยากิ โอโคโนมิยากิ หรือของทอดเสียบไม้ ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้า และ “ชินไซบาชิ” ถนนสายช้อปปิ้งที่มีร้านค้าที่น่าสนใจต่างๆ มากมายให้ได้เลือกช้อปอย่างเต็มที่ โดยสะพานปัจจุบันคือสะพานรุ่นที่ 6 โดยรุ่นแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อ 80 ปีก่อนในปีพ.ศ.2478

เดินจากสะพานเอบิสซุบาชิไปในเส้นทาง Shinsaibashi-Suji ประมาณ 10 นาที ก็จะเจอ「UNIQLO」สาขาชินไซบาชิ ที่ทั้งใหญ่และมีสินค้าให้เลือกมากมาย รวมไปถึงสินค้ายอดนิยมต่างๆ อีกด้วย ซึ่งที่ตึกนี้ในช่วงเวลากลางวันตึกจะเป็นสีขาว แต่เมื่อฟ้ามืด ก็จะเปลี่ยนเป็นไฟสีต่างๆ สดใสสวยงามมากๆ

และเดินจาก UNIQLO กลับไปทางสะพานเอบิซุบาชิประมาณ 3 นาที ก็จะเจอ「Onitsuka Tiger」อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเป็น Onitsuka Tiger สาขาใหญ่ที่สุดในโอซาก้าอีกด้วย และด้วยความที่ร้านนี้เป็นร้านที่มีขนาดใหญ่เพราะฉะนั้นจึงมีสินค้าเฉพาะของญี่ปุ่นอย่างรุ่น Nippon Made รุ่นท็อปให้เลือก พร้อมสินค้าที่มีอยู่มากมาย เท่านั้นไม่พอยังสามารถ TAX FREE ได้อีกด้วย และบริเวณใกล้ๆ Onitsuka Tiger ก็จะมีทั้ง “ดิสนีย์สโตร์”, “มัทสึโมโตะ คิโยชิ”, ร้าน Drugstore “ร้าน Daikoku”, ร้านรองเท้า “ABC Mart” หรือร้านนาฬิกา และร้านกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ไม่ว่าจะมีเวลาเท่าไหร่ก็แทบจะเดินไม่หมดเลยค่ะ

เมื่อข้ามสะพานเอบิซุบาชิมาก็จะเจอสี่แยก ซึ่งเส้นทางตะวันตกไปยังตะวันออกจะเป็นบริเวณ “โดทงโบริ” บริเวณข้างๆ สะพานเอบิสุ เข้าสู่โซนโดทงโบริ จะมีป้ายปูยักษ์ขนาดใหญ่อยู่บริเวณข้างๆ สะพาน ซึ่งเป็นอีกป้ายที่โด่งดัง ของร้านปูชื่อดังในญี่ปุ่น ที่สามารถเพลิดเพลินกับปูยักษ์กล้ามโตได้ที่ร้าน “คานิ โดราคุ” ในราคามื้อละ 5000 ถึง 1 หมื่นเยน ได้แบบเต็มทีเลยทีเดียว

และบริเวณ “โดทงโบริ” นี้นอกจากร้านปูคานิ โดราคุแล้ว ก็ยังมีร้านที่มีป้ายเกี๊ยวซ่าขนาดยักษ์「OSAKA OHSHO(大阪王将)」หรือร้าน「ZUBORAYA(づぼらや)」ป้ายปลาปักเป้า เท่านั้นไม่พอยังมีร้าน「KUKURU(くくる)」ที่มีปลาหมึกตัวโตถือทาโกยากิบนป้ายร้านขนาดใหญ่ ที่ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้น่าสนใจมากๆ ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นนี้ ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็มีลูกค้าเต็มเกือบทุกร้านเลยค่ะ

เสน่ห์ของย่านโดทงโบรินี้ก็ไม่ได้มีเพียงร้านอาหารหรือแหล่งช้อปปิ้งเท่านั้น แต่บริเวณทางใต้ของโดทงโบรินี้จะมีวัดที่โด่งดังถูกขนามนามว่า “มิสึคาเกะฟุโด” กับ “วัดโฮเซ็นจิ” ซึ่งตรอกซอยบริเวณวัดโฮเซ็นจินี้ถูกเรียกว่า “โฮเซ็นจิโยโกะโจ” เป็นย่านศูนย์รวมร้านกินดื่มขนาดเล็กมากมาย คึกคักไปด้วยคนในท้องถิ่น และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว หากได้ไปย่านโดทงโบริไม่ควรพลาดเลยค่ะ

โดยเดินจากบริเวณ “ป้ายปูยักษ์” ย่านโดทงโบริไปทางป้ายร้านราเม็งรูปมังกรขนาดใหญ่ของร้านคินริวราเม็ง「KINRYU RAMEN」และเลี้ยวขวาที่ถนนเซ็นนิจิมาเอะ(Sennichimae Dori)และเดินไปตามถนนเซ็นนิจิมาเอะเรื่อยๆ ก็จะเจอตรอกซอย “โฮเซ็นจิโยโกะโจ” ที่เป็นถนนปูพื้นหินเล็กๆ อยู่ทางขวามือเลย

บริเวณตรอกซอย 『โฮเซ็นจิโยโกะโจ』 ที่เต็มไปด้วยร้านกินดื่มมากมายนี้ก็มีความโฟโต้เจนิค สามารถถ่ายรูปบริเวณตรอกซอยเป็นพื้นหลังได้เพลินๆ เมื่อเดินไปตามตรอกซอยนี้เรื่อยๆ ก็จะเจออาคารวัด “วัดโฮเซ็นจิ” อยู่ทางขวามือ เมื่อชำระล้างร่างกายที่บริเวณหน้าอาคารวัดแล้ว ก็ไปกราบไหว้อาคารวัดกันเลย

ซึ่งบริเวณอีกฝั่งตรงข้ามซอยเล็กๆ ระหว่างอาคารวัดจะมี “รูปปั้นฟุโดไดเมียวโอ” ที่ถูกเรียกว่า “มิสึคาเกะฟุโด” (รูปปั้นสรงน้ำ) โดย “รูปปั้นฟุโดไดเมียวโอ” ที่ถูกกราบไหว้ในวัดโฮเซ็นจิแห่งนี้จะเป็นรูปปั้นที่มีเอกลักษณ์สีเขียวทั้งองค์

 “รูปปั้นฟุโดไดเมียวโอ” นี้มีความเชื่อว่า หากสรงน้ำรูปปั้นฟุโดไดเมียวโอ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอพร พรนั้นก็จะสมหวัง จนได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า “มิสึคาเกะฟุโด” (รูปปั้นสรงน้ำ) นั่นเอง ซึ่งเดิมที “รูปปั้นฟุโดไดเมียวโอ” นี้เป็นเพียงรูปปั้นฟุโดไดเมียวโอแบบธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยความที่มีผู้กราบไหว้สักการะสรงน้ำไปเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก ก็เกิดมอสขึ้นปกคุลมทั้งองค์มหัศจรรย์ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้รูปปั้นฟุโดไดเมียวโอองค์นี้ก็เป็นจำนวนมาก

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินช้อปปิ้งในย่านชินไซบาชิ・โดทงโบริ และเดินเล่นบริเวณตรอกซอยโฮเซ็นจิโยโกะโจ จากนั้นก็ได้กราบไหว้สักการะ “มิสึคาเกะฟุโด” (รูปปั้นสรงน้ำ) ถ่ายรูปไปเยอะพอสมควร ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารค่ำแล้วค่ะ ซึ่งเรามีแผนว่าจะไปทานซูชิที่ร้าน「ICHIBA SUSHI(市場すし)」ในย่านชินไซบาชิกัน

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารค่ำที่「ICHIBA SUSHI(市場すし)」และนั่งเรือ「TOMBORI RIVER CRUISE」ในแม่น้ำโดทงโบริกัน ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-4 NAMBA YASAKA SHRINE/DOTONBORI・SHINSAIBASHI AREA】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶