ICHIGO-CHANเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นอย่าง『FUSHIMI-INARI-TAISHA』มากๆ เลยค่ะ แต่เนื่องจากICHIGO-CHANตะลุยเที่ยวเมืองเกียวโตหลังจากเครื่องลงทันทีทั้งวัน ตอนนี้เริ่มหมดแรงแล้วล่ะค่ะ ได้เวลากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนที่จะไปโรงแรมICHIGO-CHANจะพาทุกคนไปรับประทานอาหารเย็นกันก่อนที่『KYOTO RAMEN KOUJI』ซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมร้านราเมนที่มีชื่อเสียงมากมายทั่วญี่ปุ่น ขึ้นชื่อในบรรดานักชิมต่างชาติไว้ในที่เดียวค่ะ เนื่องจากทุกร้านนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังติดดาวกันหมด ไม่แปลกใจเลยล่ะค่ะที่จะเห็นผู้คนต่อคิวรอทานกันทุกร้าน แต่ไม่เป็นไรค่ะเพื่อของอร่อย ICHIGO-CHANสามารถรออย่างมีความหวังได้ค่ะ
รถไฟจากสถานีอินะริใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาที ก็จะถึงสถานีเกียวโตค่ะ ค่าโดยสาร 140 เยน ICHIGO-CHANมีความโชคดีเล็กๆ ที่ได้ลองนั่งรถไฟที่มีความแตกต่างกันไประหว่างขามาที่ที่นั่งจะมีการจัดวางแบบ BTS หรือ MRT ของบ้านเรา แต่ขากลับที่นั่งจะจัดวางเหมือนที่นั่งบนรถทัวร์หันหน้าไปด้านหน้าค่ะ
เมื่อถึงสถานีเกียวโตแล้ว เราจะเดินออกจากสถานีตรง “Karasuma Exit” โดยที่หลังจากลงรถไฟแล้ว เดินขึ้นบันได เสร็จแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงต่อไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาอีกที ใช้บันไดเลื่อน แล้วก็จะถึง “Karasuma Exit” ค่ะ
หลังจากที่ออกมาแล้ว เราก็จะเจอ “บันไดใหญ่” ที่มีชื่อเสียงของสถานีเกียวโต บันไดนี้เชื่อมต่อชั้นต่างๆ จนถึงชั้นที่ 11 มีขั้นบันไดทั้งหมด 171 ขั้นเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 1 ในช่วงเย็นของทุกวัน บรรยากาศจะดีมากๆ เลยค่ะ เนื่องจากจะมีการเปิดไฟ LED ที่บันไดเป็นรูปต่างๆ อลังการงานสร้างมากเลยค่ะ แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ ที่นี่มีบันไดเลื่อนให้ใช้หากใครเดินขึ้นไปข้างบนไม่ไหวค่ะ
ที่ชั้น 10 เมื่อเราเดินเข้าประตูตึกที่เชื่อมกับบันไดใหญ่มานั้น ก็จะเจอป้าย『KYOTO RAMEN KOUJI』เป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็แค่เดินตามป้ายบอกทาง ทางด้านซ้ายไปเรื่อยๆ ก็จะเจอด้านหน้าทางเข้าของ “Kyoto Ramen Kouji” เมื่อถึงทางเข้าแล้ว จะรอช้าอยู่ไย ได้เวลาเริ่มต้นความอร่อยกันแล้วค่ะ
และแล้วเราก็มาถึง『KYOTO RAMEN KOUJI』ละค่ะ มีร้านราเมนที่ขึ้นชื่อมากมายคัดสรรมาให้เราเลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นร้านราเมนท้องถิ่นชื่อดังของเกียวโตเองอย่าง『MASUTANI』ราเมนสุดฮิตจากซัปโปโรอย่าง『SHIRAKABA-SANSOU』และราเมนจากฮะกะตะ『IKKOKUSHA』ตอนแรกก็ลังเลอยู่นานว่าจะทานร้านไหนดี เพราะทุกร้านดูน่าทานหมดเลยค่ะ
แต่ในเมื่อเรามาถึงเกียวโตทั้งที ดังนั้นICHIGO-CHANขอเลือกร้าน『MASUTANI』ร้านดังของที่นี่ละกันนะคะ ก็เหมือนกับที่เมืองไทยที่มีร้านราเมนมากมาย และหลากหลายน้ำซุปเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำซุป “มิโซะ” “โชยุ” “โทะโคะซึ” สำหรับราเมนที่นี่ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยคือ “Hakata Tonkotsu Ramen” “Supporo Miso Ramen” และ “Kyoto Ramen” ซึ่งมีจุดเด่นคือมันหมูที่อร่อยฟินมากๆ ค่ะ
ตอนนี้เป็นเวลา 18.30 น. ซึ่งปกติน่าจะยังเป็นเวลาที่เร็วไปนิดสำหรับอาหารเย็นแต่ก็มีคนมาต่อคิวยาวกันแล้วค่ะ อย่างสำหรับวันนี้ICHIGO-CHANใช้เวลารอประมาณ 20 นาที แต่ถ้ามาช่วงพีคๆ อาจจะต้องใช้เวลารอมากกว่า 1 ชั่วโมงก็ได้ค่ะ คนญี่ปุ่นนี่เค้ามีความอดทน มั่งมั่น เพื่อรอฟินกับความอร่อยของราเมนจริงๆ ค่ะ
ขั้นตอนแรก เราก็ต้องต่อคิวก่อนนะคะ พอถึงคิวเราพนักงานก็จะให้เราซื้อตั๋วสำหรับสั่งราเมน เราก็เลือกราเมนที่อยากจะรับประทานค่ะ บางครั้งเค้าจะใช้คำว่า “Chukka Soba”ราเมนจีน” เราอาจจะงงๆ หน่อยว่า เอ…สูตรต้นตำรับมาจากประเทศจีนหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วมันก็คือราเมนนั่นล่ะค่ะ
จานเด็ดของทางร้าน『MASUTANI』ก็คือ “Chukka Soba” ราเมนจีน” ราคา 650 เยน รอบนี้ICHIGO-CHANสั่งแค่เมนูนี้ เพราะว่าที่ ฟุชิมิ อินะริ ICHIGO-CHANได้ทานทะโกะยะกิกับยะกิโตะริไปเต็มท้องเลยค่ะ ดังนั้นมื้อนี้ขอซอฟท์ๆ ละกันนะคะ แต่จริงๆ แล้วที่ร้านยังมีเมนูเด็ดอีกอย่างนั่นก็คือ “Yakimeshi” หรือข้าวผัดนั่นเองค่ะ
ICHIGO-CHANอยากรับประทาน Chukka Soba ซึ่งเป็นราเมนต้นตำรับเมืองเกียวโตของทางร้าน “Masutani” มานานแล้วล่ะค่ะ เพียงราคา 650 เยน ด้านบนของราเมนจะมีหมูชาชูที่อร่อยสุดๆ และยังมีท็อปปิ้งให้เลือกใส่อีกหลายอย่างเลยค่ะ จุดเด่นของราเมนของเมืองเกียวโตก็คือ เค้าจะใส่มันหมูค่อนข้างเยอะแต่ข้างล่างจะเป็นน้ำซุปสต็อกไก่ดังนั้นรสชาติจะไม่เลี่ยนเลยค่ะ เมื่อทานเสร็จเราก็จะรู้สึกฟินและไม่เลี่ยนเลยค่ะ ถ้าใครคิดว่าขนาดปกติน่าจะไม่อิ่ม แนะนำให้เพิ่มพิเศษหมูชาชู (800 เยน) หรือจะเพิ่มพิเศษเส้น (100 เยน) ก็ได้นะคะ
แต่ขนาดปกติของที่นี่ก็ใหญ่ประมาณ 2 เท่าของก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแล้วนะ
คะดังนั้นลองแอบดูของคนที่กำลังทานก่อนสั่งก็ดีเหมือนกันค่ะ
ที่นี่มีทั้งโต๊ะแบบเคาท์เตอร์สำหรับใครที่มาคนเดียวและโต๊ะใหญ่สำหรับใครที่มาเป็นกลุ่ม
ตอนที่สั่งราเมน พนักงานจะถามเราว่าอยากได้ความนุ่มของเส้นประมาณไหน ถ้าให้แนะนำ ICHIGO-CHANแนะนำว่าสั่งเป็นแบบนุ่มก่อนดีกว่านะคะ เพราะว่าถ้าความนุ่มแบบปกติของที่นี่ บางครั้งอาจจะแข็งเกินไปสำหรับคนไทยค่ะ
เวลาเราจะบอกว่าเอาความนุ่มของเส้นราเมนระดับไหนก็พูดตามด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
ถ้าต้องการเส้นแข็ง
「KATAMEN DE ONEGAISHIMASU」(คะตะเมน เดะ โอเนะไกชิมัสซึ)
ถ้าต้องการเส้นแข็งปกติ
「FUTSUU DE ONEGAISHIMASU」(ฟุซือ เดะ โอเนะไกชิมัสซึ)
ถ้าต้องการเส้นนุ่ม
「YAWAMEN DE ONEGAISHIMASU」(ยะวะเมน เดะ โอเนะไกชิมัสซึ)
ตอนนี้ICHIGO-CHANอิ่มมากเลยค่ะ ได้เวลากลับโรงแรมแล้วล่ะค่ะ โรงแรมสำหรับทริปนี้ที่ICHIGO-CHANจะพักก็คือ 『KYOTO TOWER HOTEL ANNEX』
เราสามารถหยิบสิ่งของอำนวยสะดวกในห้องโรงแรม เช่น สบู่ แปรงสีฝัน หวี เพิ่มเติมได้ที่ข้างๆ แผนกต้อนรับของโรงแรมได้เลยค่ะ
ที่นี่ยังมีหมอนข้างเป็นรูปน้องหมาให้กอดเวลานอนด้วยค่ะ ICHIGO-CHANเลือกหมอนข้างใบโต ตัวใหญ่กว่าตัวICHIGO-CHANอีกค่ะ จะได้กอดอุ่นๆ ระหว่างนอน
ที่โรงแรมนี้มีหมอนหลากหลายรูปทรง หวีก็มีหลายแบบ เกลือสำหรับแช่น้ำ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ชาหลากหลายรสชาติในแต่ละห้องอีกด้วยค่ะ
ในหลืบข้างแผนกต้อนรับของโรงแรมก็จะมีเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าคอยให้บริการอยู่ด้วยค่ะ ราคา 300 เยนต่อครั้ง ราคานี้รวมผงซักฟอกให้เรียบร้อยค่ะ ถ้าใครเดินทางหลายวัน การซักผ้าที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะคะจะได้มีเสื้อผ้าหอมๆ ไว้ใส่ตลอดทริปค่ะ
เข้าไปชมข้างในห้องกันดีกว่าค่ะ
นี่คือห้องที่ICHIGO-CHANจะนอนพักคืนนี้ค่ะ เมื่อเวลาเราเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วจะมีอีกหนึ่งประตูข้างในอีกบานหนึ่งค่ะ เก๋มากๆ
จริงๆ แล้วห้องนี้เป็นห้องเชื่อมต่อกัน ถ้ามากันเป็นกลุ่มคณะก็สามารถพักด้วยกันได้ค่ะ หน้าตาของห้องก็จะประมาณนี้ค่ะ แต่รอบนี้ ICHIGO-CHAN พักคนเดียวค่ะ
ห้องนี้เป็นห้อง Twin Room แต่ละห้องก็จะมีธีมสีแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น “ซากุระ” “ไผ่” “ใบไม้ร่วง” รอบนี้ิICHIGO-CHANได้พักที่ห้องซากุระสีชมพูหวานแหววมากๆ เลยค่ะ ตกแต่งสวยงามรู้สึกผ่อนคลายมากเลยค่ะ
ก่อนนอนICHIGO-CHANก็มานั่งเล่นที่บริเวณที่นั่งรับรองใกล้ๆ แผนกต้อนรับของโรงแรม นั่งแพลนทริปที่เหลืออีก 2 วันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี โปรแกรมของพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนั้น ต้องติดตามต่อไปนะคะ ห้ามพลาดค่ะ