Day1-2 สถานที่สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของโอซาก้า ที่ไม่ควรพลาด 『OSAKA MUSEUM OF HOUSING AND LIVING』

ไม่ขึ้นไปที่ประตูทางออกหมายเลข 3 แต่เดินเข้าประตูไปเลย

ที่จะไปต่อจากนี้คือสถานที่ซึ่งมีชื่อว่า  『OSAKA MUSEUM OF HOUSING AND LIVING』 แม้จะเป็นสถานที่ที่สร้างอาคารบ้านเรือนของประเทศญี่ปุ่นในอดีตขึ้นมาใหม่ แต่ก็กลายเป็นสถานที่ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

หลังจากต่อแถวประมาณ 20 นาที ในที่สุดก็ขึ้นลิฟต์ได้ซะที

ถึงแม้จะได้ยินคำพูดจากหลายภาษามาก แต่เหมือนว่าภาษาเกาหลีจะมีเยอะที่สุดนะ

ค่าเข้าชมปกติคือ 600 เยน แต่ถ้าแสดง Osaka Amazing Pass ก็สามารถเข้าชมได้ฟรี จากประตูทางเข้าพอขึ้นบันไดเลื่อนไปก็จะมองเห็นอาคารบ้านเรือนของเมืองโอซาก้าในสมัยเอโดะ (ประมาณ 400 ปี ถึง 150 ปีก่อน) แผ่ขยายอยู่ที่เบื้องล่าง

โดนเข้าจนได้…

ความจริงแล้วที่  OSAKA MUSEUM OF HOUSING AND LIVING นั้น สามารถเช่าชุดกิโมโนมาใส่ในราคาเพียงแค่ 500 เยนและสามารถถ่ายรูปให้ดูเหมือนคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนได้ แต่เพราะว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยต้องรอนานกว่า 2 ชั่วโมงถึงจะได้เช่าชุดกิโมโนมาใส่…. น่าเสียดายจัง

ทุกคนควรจะมาต่อแถวตั้งแต่เช้าหรือไม่ก็มาแบบเผื่อเวลาเอาไว้ก่อนดีกว่านะ

ถึงจะรู้สึกเสียดาย แต่คงต้องยอมแพ้เรื่องใส่ชุดกิโมโนในครั้งนี้ซะแล้ว

ก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ สุดท้ายเลยไปขออนุญาตถ่ายรูปครอบครัวคนเกาหลีมา 1 ใบ

น่าอิจฉาจัง….

ประเทศญี่ปุ่นในสมัยเอโดะเนี่ยเป็นอาคารบ้านเรือนที่ดูสวยงามจริง ๆ นะ

ถ้าเป็นที่ประเทศไทยก็น่าจะเป็นสมัยอยุธยาล่ะมั้งนะ….

พอเวลาผ่านไปแปบเดียวก็เปลี่ยนเป็นอาคารบ้านเรือนในยามค่ำคืนแล้ว

จะเปลี่ยนจาก เช้า ⇒ กลางวัน ⇒ กลางคืน ⇒ เช้า

มองแวบแรกนึกว่าเป็นสุนัขของจริงซะอีก แต่จริง ๆ แล้วก็คือหุ่น

ดูเหมือนของจริงมากจนตกใจเลย สุนัขของญี่ปุ่นนั้น ถ้าเทียบกับสุนัขของไทยแล้วก็ดูตัวเล็กน่ารักกว่านะ

สุนัขตัวนี้คือสุนัขพันธุ์ “ชิบะ” ถ้าจะซื้อที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงของประเทศญี่ปุ่นก็ราคาเริ่มตั้งแต่ประมาณ 30,000 บาท ได้ยินมาว่าตัวที่ราคาแพงมีราคาประมาณ 100,000 บาทเลยทีเดียว แพงมาก! แต่ก็น่ารักนะ

ที่ตรงนั้นตรงนี้ของเมืองจะมีถังน้ำและน้ำเตรียมเอาไว้ ได้ยินว่าหากมีไฟไหม้ชาวบ้านก็จะช่วยกันเอาน้ำมาดับไฟ บ้านของญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาจากไม้ เพราะว่าอากาศแห้งไม่เหมือนกับประเทศไทย ถ้าหากเกิดไฟไหม้ขึ้นมาล่ะก็เรื่องใหญ่เลย

พอลงไปชั้นล่างอีก 1 ชั้น ก็มีงานจัดแสดงแบบจำลองของอาคารบ้านเรือนเดียวกันตั้งแต่ยุคปัจจุบันย้อนไปประมาณ 80 ปีก่อนว่ามีความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง ก็มีทั้งอาคารที่ดูเหมือนในสมัยเอโดะและก็มีอาคารแบบสมัยใหม่ที่ดูใหญ่โตขึ้นมานิดหน่อย

ถึงจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปในชุดกิโมโน แต่ว่าตอนนี้ก็ชักจะเริ่มหิวแล้วสิ

ต่อจากนี้ก็จะไปกินซุชิของโปรดละ

ที่นี่ได้ความรู้มาอย่างหนึ่ง

เครื่องตรวจตั๋วที่ต้องเราเดินผ่านตอนที่จะไปขึ้นรถไฟในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างหน้าตาประมาณนี้

สำหรับตั๋วที่มีหน้าตาเป็นกระดาษหรือเป็นการ์ดบาง ๆ (อย่างของ Osaka Amazing Pass) ให้ใส่เข้าไปในช่องที่มี ➡ สีฟ้า แล้วค่อยเดินผ่าน

เพราะว่าตั๋วจะโผล่ออกมาจาก ➡ สีแดง ฉะนั้นอย่าลืมหยิบตั๋วคืนแล้วค่อยเดินผ่านนะ

ในกรณีของ IC Card (บัตรพลาสติกหนา) ให้นำไปแตะที่บริเวณ ➡ สีเหลือง แล้วค่อยเดินผ่าน

เพราะว่าคนญี่ปุ่นสมัยนี้พก IC Card กันเยอะ เครื่องตรวจตั๋วแบบที่ใช้ได้เพียงแค่ IC Card เท่านั้นจึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ถ้าหาช่องที่มี ➡ สีฟ้าไม่เจอ ก็ให้ลองมองหาเครื่องตรวจตั๋วเครื่องอื่นดูนะ

ใช้รถไฟใต้ดินสายทานิมาจิเดินทางไปที่อุเมดะซึ่งมีร้านซุชิอยู่ที่นั่น

จากชานชาลาหมายเลข 1 ให้ขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปที่ “ยาโอะมินามิ” “ฟุมิโนซาโตะ” “เทนโนจิ” อันไหนก็ได้

ลงรถที่ “ฮิงาชิอุเมดะ” ซึ่งเป็นสถานีอันที่ 2

เมื่อลงจากรถไฟใต้ดินที่สถานีฮิงาชิอุเมดะแล้ว พอออกจากเครื่องตรวจตั๋วให้เลี้ยวขวา

พอเดินไปสักพักจะพบสี่แยก ให้เดินไปทาง “East Mall” ที่อยู่ทางขวามือ

เดินไปเรื่อย ๆ 3 นาทีจะเห็นร้าน “ไดกิซุยซัน” ซึ่งเป็นร้านซุชิหมุนชื่อดังของโอซาก้าอยู่ทางขวามือ

จานหลากสีไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีม่วง สีฟ้า สีขาวจะไหลมาตามสายพาน

จานแต่ละสีมีราคาแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นระวังกันด้วยนะ!!

จานสีทอง 500 เยน

จานสีน้ำเงินเข้มและลวดลายสีทอง 350 เยน

จานสีขาวและลวดลาดสีฟ้า 250 เยน

จานสีแดง 200 เยน

จานสีน้ำเงินเข้ม 150 เยน

จานสีขาว 100 เยน

ตามนี้ (ราคาทั้งหมดยังไม่รวมภาษีนะ)

ปลาแซลมอนที่คนไทยชื่นชอบราคา 150 เยน ถูกมาก!

มีลายไขมันเยอะดี แบบว่าอร่อยมาก!! พอคิดว่าอันนี้ราคาแค่ 40 บาทก็ยิ่งรู้สึกว่าอร่อยขึ้นไปอีก

เพราะว่าหอยที่คนไทยชื่นชอบไหลมาทางนี้แล้วก็รีบคว้ามาเลย

จานนี้ก็ 150 เยน

จานนี้เป็นปลาแซลมอนลนไฟ

ปลาแซลมอนลนไฟจะมีมายองเนสราดมาด้วย จึงเป็นรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ จานนี้ 200 เยน

ถึงแม้จะเป็นซุชิหมุน แต่ก็สามารถสั่งเมนูอาหารกับพนักงานของร้านได้ด้วย

เพราะว่ามีหลายครั้งที่ภาษาอังกฤษ (รวมถึงภาษาไทยด้วย) ใช้สื่อสารกันลำบาก เลยจะขอแนะนำเป็นบางอย่างนะ

ปลามากุโระ =MAGURO

กุ้ง =EBI

ปลาหมึก =IKA

หอยเชลล์ =HOTATE

ปลาแซลมอนลนไฟ =ABURI SARMON

ซุชิม้วนทูน่า =TEKKAMAKI

ซุชิม้วนทูน่า รสชาติเข้ากับวาซาบิได้ดี

ในกรณีของซุชิหมุนมีหลายครั้งที่เค้าไม่ได้ให้วาซาบิมาด้วย โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบบริการตัวเอง

ตอนที่อยากทานวาซาบิ ให้บอกกับพนักงานของร้าน (ถ้าพูดว่า WASABI ก็เข้าใจได้แล้ว) หรือไม่ก็ตักที่จานของวาซาบิซึ่งไหลมาตามสายพานก็ได้เหมือนกัน

พอทานไปถึง 5 จาน ก็คิดว่าตัวเองอิ่มแล้ว…. แต่พอมองไปที่ผู้คนรอบข้างก็เห็นมีคนที่ทานเป็น 10 จานอยู่เยอะแยะเลย!!

จะคิดเงินละนะ

รู้สึกดีใจจังที่สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ด้วย

ถึงจะทานซุชิแสนอร่อยไปตั้งเยอะ แต่ราคาก็แค่ 918 เยนเท่านั้นเอง

ประมาณ 290 บาท ได้ทานซุชิแสนอร่อยในราคาที่ถูกกว่าของที่ไทยเนี่ยรู้สึกดีจังเลย

ในระหว่างที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ถ้าทานซุชิทุกวันก็ดีเหมือนกันนะ…

             Go to the top Page           

◀ BACK     NEXT ▶