Day1-1 เริ่มทริป! เดินทางจากกรุงเทพ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ และเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

OSAKA-KYOTO-KURAMA-UJI-OSAKA

Day1-1 เริ่มทริป! เดินทางจากกรุงเทพ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ และเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า

เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่แท้จริง เป็นช่วงเวลาที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอากาศที่หนาวเย็น ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ที่ประเทศไทย พร้อมอาหารฤดูหนาวที่แสนอร่อย เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวถือได้ว่ามากกว่านักท่องเที่ยวในช่วงอากาศอบอุ่นในช่วงเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนกันยายน ทำให้ช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นนี้จะเป็นช่วงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือท่าอากาศยานดอนเมืองจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น

โดยในครั้งนี้จะเป็นการท่องเที่ยว “เกียวโต” และ “โอซาก้า” ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ “โตเกียว” หรือ “ภูเขาไฟฟูจิ” ซึ่งพาสที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเมืองเกียวโต และโอซาก้า ที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณกับ「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟเคฮังนั่นเองค่ะ

โดย “รถไฟเคฮัง” นี้จะเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่าง “สถานีโยโดยาบาชิ Yodoyabashi Station” ที่อยู่ศูนย์กลางโอซาก้าแหล่งรวมสถานที่ทางราชการอย่างที่ทำการอำเภอโอซาก้า ไปยัง “สถานีเทนมะบาชิ Temmabashi Station” ใกล้ปราสาทโอซาก้า เข้าสู่ศูนย์กลางเกียวโตที่ “สถานีกิออน ชิโจ Gion-Shijō Station” และ “สถานีเดมาจิยานางิ Demachiyanagi Station” ที่เป็นทางเข้าสู่คุรามะ・คิฟุเนะ

ซึ่งพาส『KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS』นี้ก็คือพาสที่เพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวเส้นทางสายหลักของรถไฟเคฮัง และเส้นทางรถไฟสายอุจิ ที่เชื่อมระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวในอุจิ พร้อมนั่งรถไฟเคฮังในเกียวโต และโอซาก้าได้ไม่อั้น

「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」จะมีอยู่ 2 ชนิด คือ แบบ 1 day(800 เยน)และ 2 days(1200 เยน)ที่รองรับการท่องเที่ยวโอซาก้า และสามารถเดินทางไปยังเกียวโตแบบไปกลับได้ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน

ซึ่งค่าเดินทางจาก  “สถานีโยโดยาบาชิ Yodoyabashi Station” หรือ “สถานีเทนมะบาชิ Temmabashi Station” ในตัวเมืองโอซาก้า ไปยัง “สถานีเดมาจิยานางิ Demachiyanagi Station” ในเกียวโต ขาเดียวจะอยู่ที่ 470 เยน เฉพาะฉะนั้นเพียงเดินทางไปกลับวันเดียวก็สามารถใช้ตั๋วแบบวันเดียวได้แบบคุ้มค่า

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต(ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ・วัดคิโยะมิซุ・กิออน・ศาลเจ้าชิโมกาโมะ)แบบวันเดียว โดยออกจาก โอซาก้า(โยโดยาบาชิ)

สถานีโยโดยาบาชิ Yodoyabashi Station⇒สถานีฟุชิมิ อินาริ Fushimi-Inari Station:400 เยน(เยี่ยมชมศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ)

สถานีฟุชิมิ อินาริ Fushimi-Inari Station⇒สถานี คิโยมิสึ โกโจ Kiyomizu-Gojō Station:210 เยน(ท่องเที่ยว วัดคิโยะมิซุ・วัดโคไดจิ・ซันเนซากะ・กิออน)

สถานีกิออน ชิโจ Gion-Shijō Station⇒สถานีเดมาจิยานางิ Demachiyanagi Station:210 เยน(เยี่ยมชมศาลเจ้าชิโมกาโมะ)

สถานีเดมาจิยานางิ Demachiyanagi Station⇒สถานีโยโดยาบาชิ Yodoyabashi Station:470 เยน

รวมเป็น :1290 เยน

ซึ่งพาสแบบ 1 day จะอยู่ที่ 800 เยน เพราะฉะนั้นถือว่าคุ้มค่าไป 490 เยนเลย

「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」ที่จำหน่ายโดยรถไฟเคฮังนี้ ถือเป็นบริษัทรถไฟที่ใช้รถไฟที่หรูหราอลังการ สามารถนั่งได้ด้วยตั๋วค่าเดินทางปกติ จะมีทั้งที่นั่งแบบแถวยาว หรือที่นั่งแบบ Cross Seat ที่นั่งแบบสบายๆ เท่านั้นไม่พอยังมีขบวนรถไฟด่วนพิเศษส่วนหนึ่งที่เป็นแบบที่นั่ง 2 ชั้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเพื่อนๆ จะสามารถนั่งชมวิวได้จากมุมสูง และพิเศษสุดๆ คือเพื่อนๆ สามารถนั่งขบวนแบบ 2 ชั้นได้ด้วยตั๋วรถไฟแบบธรรมดาเลยค่ะ สามารถเลือกนั่งได้ตามความชอบเลยค่ะ

และตั้งแต่ปีพ.ศ.2560 รถไฟด่วนพิเศษ(ยกเว้นบางส่วน)ได้เริ่มมีการเปิดโบกี้『Premium Car』ที่นั่งแบบพิเศษ

ที่มีที่นั่งเพียง 3 แถว แบบ Reclining Seat กว้างขวาง ซึ่งจะเป็นที่นั่งแบบ Reserved Seat ทั้งหมด ให้เพื่อนๆ ได้นั่งรถไฟเดินทางระหว่างเกียวโต­-โอซาก้า ได้อย่างสบายตลอดการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยในแต่ละที่นั่งจะมีปลั๊กไฟให้ได้เสียบชาร์ตมือถือ แท็บเล็ต หรือโน๊ตบุ๊ค เท่านั้นไม่พอยังมี Wifi บริการอีกด้วย

การใช้บริการ Premium Car นั้นนอกจากตั๋วขึ้นรถไฟแบบธรรมดาแล้ว จะต้องซื้อตั๋ว Premium Car เพิ่มอีกประมาณ 400-500 เยน (ขึ้นอยู่กับช่วงระยะทาง) สำหรับเพื่อนๆ ที่มี 「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」 ก็สามารถใช้นั่งส่วนนี้ได้โดยจ่ายเพิ่มเฉพาะ ตั๋ว Premium Car เท่านั้นได้เลย

โดยครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางด้วยสายการบินราคาประหยัดอย่าง 『AirAsiaX』 ที่มีเที่ยวบินเชื่อมระหว่างกรุงเทพ-โตเกียว

โดย AirAsiaX นั้นมีเที่ยวบินไปกลับระหว่าง กรุงเทพ-คันไซ อยู่วันละ 2 เที่ยว

กรุงเทพ(ดอนเมือง) ⇒ คันไซ

XJ612  1:10⇒ 8:40

XJ610  14:15⇒21:40

คันไซ ⇒ กรุงเทพ(ดอนเมือง)

XJ613  9:50⇒ 13:50

XJ611 23:45⇒ 4:00(วันถัดไป)

สามารถเลือกบินได้ตามเวลาที่ต้องการ โดยวันนี้เราจะเดินทางด้วย AirAsiaX ออกจากกรุงเทพจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศจะออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองจากเทอร์มินอล 1 โดยเคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบิน AirAsiaX เที่ยวบินไปสู่ประเทศญี่ปุ่น จะอยู่ที่หมายเลข 4

ในกรณีที่เคาน์เตอร์เช็คอินเต็มไปด้วยลูกค้าที่มาเช็คอิน ก็สามารถทำการเช็คอินได้ที่เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ โดยกดปุ่ม「Check In」จากนั้นทำการสแกนหนังสือเดินทาง โดยใช้เวลาเช็คอินเพียง 30 วินาทีเท่านั้น สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่องก็สามารถทำการเช็คอินได้ที่เครื่องเช็คอินอัตโนมัติก่อน แล้วจึงฝากสัมภาระที่เคาน์เตอร์ช่อง BagDrop อาจจะดูยุ่งยากที่จะต้องดำเนินการถึงสองขั้นตอน แต่เมื่อเทียบกับการต้องต่อแถวรอเช็คอินจากแถวที่ยาวเหยียดแล้ว วิธีนี้เร็วกว่าเยอะเลยค่ะ

เที่ยวบิน AirAsiaX ที่เดินทางจากกรุงเทพ ไปสู่ญี่ปุ่นนั้นจะเป็นเครื่องบินลำใหญ่ A330 โดยส่วนใหญ่มีที่นั่งอยู่ทั้งหมด 9 แถว แบ่งออกเป็น 3-3-3 ถึงแม้ว่าจะมีที่นั่งอยู่มากมายถึง 400 ที่นั่ง แต่เส้นทางคันไซส่วนใหญ่จะที่นั่งเต็มเกือบทุกรอบ ดังนั้นในบางกรณีถึงแม้ว่าจะมาด้วยกันก็อาจไม่ได้นั่งที่นั่งติดกัน เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆ อยากนั่งติดกับครอบครัว แฟน หรือเพื่อน ก็สามารถจองที่นั่งล่วงหน้า(มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) เอาไว้ตอนจองตั๋วได้เลย

ใช้เวลาเดินทางจากดอนเมืองไป 5 ชั่วโมง 30 นาที และตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซแบบตรงเวลา ถึงแม้ว่าสายการบินนี้จะไม่มีหน้าจอทีวี เหมือนกับสายการบินไทย หรือสายการบินญี่ปุ่น แต่ก็นั่งได้แบบสบายๆ ไม่มีแสงรบกวนจากหน้าจอข้างๆ เลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะเสียดายที่ไม่มีปลั๊กให้เสียบชาร์ตก็ตาม แต่ถ้ามีพาวเวอร์แบงค์เตรียมเอาไว้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วค่ะ

ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซที่มีความยาวตั้งแต่ทิศเหนือไปยังทิศใต้เป็นระยะทางมากกว่า 1km เพราะฉะนั้นเมื่อถึงสนามบินและออกจากเครื่องบินมาแล้ว ก็จะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปยังอาคารหลักเพื่อไปยังเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง ที่วิ่งทุกๆ 3 นาที เพื่อนั่งไปประมาณไม่ถึง 2 นาทีเท่านั้น

หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองได้เพิ่มเคาน์เตอร์มากขึ้นและทำให้สามารถผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองได้รวดเร็วมากขึ้นอาจจะไม่ต้องรอนานเกินครึ่งชั่วโมงเหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ

บริเวณใกล้เคียง ประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จะมีทั้งส่วนเครื่องจำหน่ายซิมมือถืออัตโนมัติ เคาน์เตอร์เช่าไวไฟเราเตอร์ หรือจุดให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยว เป็นต้น และที่สำคัญคือร้านกาแฟต่างๆ อยู่บริเวณนี้ อย่างเช่น STARBUCKS อยู่อีกด้วย

เมื่อออกจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศไปทางขวามือ และตรงไปเรื่อยๆ ก็จะมีเคาน์เตอร์รับขนส่งสัมภาระ ที่หากดำเนินการฝากสัมภาระเพื่อขนส่งก่อน 14:00 น. ทางร้านก็จะทำการขนส่งสัมภาระไปยังโรงแรมภายในตัวเมืองโอซาก้าได้ภายในเวลา 19:00 น. ลดปัญหาสัมภาระที่หนักอึ้งระหว่างการท่องเที่ยวไปได้เลย

เมื่อออกจากประตูผู้โดยสารขาออกมาแล้ว ก็มุ่งหน้าไปในตัวเมืองโอซาก้ากันเลย

ซึ่งการเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ไปยังตัวเมืองโอซาก้าจะมีหลายวิธีคือ

1.เดินทางด้วยรถไฟนันไค NANKAI ไปยัง “นัมบะ Namba” “ชินอิมามิยะ Shinimamiya” “เทนกาฉะยะ Tengachaya” เพื่อใช้รถไฟใต้ดินต่อ

2.เดินทางด้วยรถไฟ JR สาย Kansai Airport ที่สามารถเดินทางไปยัง “เท็นโนจิ Tennoji” “โอซาก้า Osaka” หรือ “ชินโอซาก้า Shin-Osaka”

3.เดินทางด้วย “ลีมูซีนบัส” เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในคันไซได้โดยตรง

โดยเราจะเลือกเดินทางด้วย ข้อ 1 รถไฟนันไค NANKAI ค่ะ

ในข้อที่ 1 และ 2 จะเป็นรถไฟที่ออกตัวจากสถานีท่าอากาศยานนานาชาตคันไซ ที่เชื่อมต่อกับเทอร์มินอลสนามบินเลยค่ะ

เมื่อเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาออกแล้ว ก็ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ซ้ายมือไปที่ชั้น 2F จากนั้นเดินออกจากประตูที่อยู่ซ้ายมือเพื่อเดินข้ามสะพานผ่านไปที่ตึกสถานีท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เมื่อถึงสถานีแล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟที่อยู่ซ้ายมือเลย

การเดินทางจากสถานีท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ไปยังศูนย์กลางโอซาก้าที่ “นัมบะ” “ชินอิมามิยะ” หรือ “เทนกาฉะยะ” สามารถขึ้น「Airport Express」(ค่าเดินทาง 920 เยน)ใช้เวลาในการเดินทาง 45-50 นาที หรือ「Limited Express rapit」(ค่าเดินทาง+ตั๋วรถด่วนพิเศษ 1270 เยน)ใช้เวลาในการเดินทาง 35 นาที

ในกรณีที่ใช้บริการ Limited Express rapit นั้นแนะนำให้ซื้อ「YOKOSO! OSAKA TICKET」(1650 เยน)ที่มาพร้อมกับตั๋วเดินทางปกติ+ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ พร้อมตั๋วนั่งรถไฟใต้ดินในโอซาก้าทุกสาย และโอซาก้าซิตี้บัส ได้ไม่อั้น 1 วัน

เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เดินผ่านช่องตรวจตั๋วสีส้มไปที่ชานชาลากันเลย

Limited Express rapit ที่เราใช้บริการในครั้งนี้ จะมีหัวรถไฟที่เหมือนหุ่นยนตร์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคอรถไฟทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ ไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนถึงกับเดินทางมาที่สนามบินคันไซเพื่อมาใช้บริการรถไฟนี้เลยทีเดียว โดย Limited Express rapit จะใช้บริการตั้งแต่เช้า 7:00 น. ไปจนถึง 22: 35 น. ทุกๆ 30 นาที  ใช้เวลาเดินทางจากสถานีท่าอากาศยานนานาชาติคันไซไปยังตัวเมืองโอซาก้าประมาณ 35 นาที

Limited Express rapit นี้จะมีทั้งหมด 6 โบกี้ ซึ่งในโบกี้ที่ 2 และ 3 จะเป็นที่นั่งแบบ Super Seat ส่วน 4 โบกี้ที่เหลือจะเป็นที่นั่งแบบทั่วไป ที่นั่งเป็นลวดลายเสือดาว ตกแต่งภายในแบบเรียบหรู มีบริการส่วนเก็บสัมภาระ และ WIFI ฟรี นอกจากนี้ยังมีตู้กดน้ำอัตโนมัติอยู่อีกด้วย

เมื่อรถไฟออกจากสนามบินคันไซมา ก็จะวิ่งผ่านสะพานข้ามทะเลยาวกว่า 5km ชมวิวทะเลที่สวยงาม เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้ากันเลยค่ะ

ที่พักของเราในวันนี้อยู่ใกล้กับหนึ่งในสถานีหยุดจอดของ Limited Express rapit ที่สถานีชินอิมามิยะ ที่โรงแรม「UNIVERSAL HOTEL REBORN」สามารถเดินจากสถานีไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจะไปฝากสัมภาระที่โรงแรมก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวกันค่ะ โดยออกจากสถานีสนามบินคันไซมา 33 นาที สถานีชินอิมามิยะ จะอยู่ก่อนสถานีปลายทางที่สถานีนัมบะ ก่อน 1 สถานี เมื่อลงจากรถไฟแล้วก็ลงบันไดที่อยู่ภายในชานชาลาเพื่อผ่านออกไปจากช่องตรวจตั๋วกันเลย จากนั้นก็ไปทางบันไดที่อยู่ทางซ้ายมือเลย

จากนั้นก็ลงบันไดไป เพื่อออกจากสถานีไปทางซ้ายมือ และเดินไปตามถนนใหญ่ ก็จะเจอโรงแรม『UNIVERSAL HOTEL REBORN』ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนมีนาคม ปีพ.ศ.2561 เมื่อไม่นานมานี้ อยู่ทางด้านซ้ายมือเลยค่ะ

ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในสถานที่ที่สามารถเดินไปยัง “สถานีรถไฟ JR สถานีชินอิมามิยะ สาย Osaka Loop Line” “สถานีรถไฟนันไค สถานีชินอิมามิยะ สายหลัก” “สถานีรถไฟใต้ดินโดบุทสึเอ็นมาเอะ สาย Sakaisuji Line・Midosuji Line” และ “สถานีรถไฟฮังไค สถานีชินอิมามิยะ” สามารถใช้เวลาเดินเท้าได้ภายใน 3 นาที โดยโรงแรม「UNIVERSAL HOTEL REBORN」ที่ตั้งอยู่ในจุดที่สามารถใช้เส้นทางรถไฟได้มากถึง 5 สายนี้ ได้รับการรีวิวในเว็ปไซต์ agoda ถึง 8.9 /10 เลยทีเดียว

และสำหรับผู้เข้าพักสามารถฝากสัมภาระเอาไว้ได้ฟรี เพราะฉะนั้นเราจะไปเช็คอินและฝากกระเป๋าเอาไว้ก่อน แล้วค่อยเดินทางไปเที่ยวตัวเมืองโอซาก้ากันต่อค่ะ

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ เดินทางออกจากที่พักโรงแรม「UNIVERSAL HOTEL REBORN」ไปยังร้านเช่าชุดกิโมโนที่「WASOBI」เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดกิโมโนเดินเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในโอซาก้า โดยเริ่มจากปราสาทโอซาก้ากันค่ะ  ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-1 DON MUEANG AIRPORT(DMK)/KANSAI AIRPORT(KIX)】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS”

        Go to the top Page        

  NEXT ▶