ฤดูใบไม้ผลิ หรือ “ฮารุ” 「春」ในภาษาญี่ปุ่น สิ่งที่ทำให้นึกถึงเป็นอย่างแรกก็คือ “ซากุระ” ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูกาลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยใจแต่ละปี
“ซากุระ” ในประเทศญี่ปุ่นมีมากมายกว่า 400-600 สายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันทั้งรูปร่าง จำนวนกลีบดอกไม้ สี หรือช่วงเวลาดอกไม้บาน ดังนั้นมาทำความรู้จักกับซากุระพันธุ์เด่นขึ้นชื่อของญี่ปุ่นแบบเจาะลึก เพื่อเพิ่มความรู้ก่อนเที่ยวชมซากุระที่ญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันเลย
1.โซเมอิโยชิโนะ : SOMEIYOSHINO(ソメイヨシノ)
สายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “โซเมอิโยชิโนะ” ณ ปัจจุบันกว่า 80% ของซากุระทั่วประเทศญี่ปุ่นก็คือ “โซเมอิโยชิโนะ” ถือเป็นพันธุ์ซากุระตัวแทนของญี่ปุ่นที่เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลาย และมักใช้ซากุระสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะเป็นมาตฐานในการคาดการณ์ช่วงเวลาดอกไม้บานโดยรวมของญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของโซเมอิโยชิโนะคือ 1 ดอกจะมีอยู่ 5 กลีบ ดอกไม้จะบานก่อนใบไม้งอก ดังนั้นทำให้ชมซารกุระชมพูอ่อนทั้งต้นได้อย่างสวยงามเมื่อเข้าสู่ช่วงบานเต็มที่
โซเมอิโยชิโนะ จะเริ่มบานเมื่ออากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น เริ่มตั้งแต่ทางใต้ของญี่ปุ่นคือ โอกินาว่า ไล่ไปทางเหนือเรื่อยๆ โดยทางตอนใต้ของญี่ปุ่นจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม ส่วนทางตอนเหนือสุดอย่างเกาะฮอกไกโดจะเริ่มบานในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี)
ช่วงเวลาดอกไม้บานของสายพันธุ์ “โซเมอิโยชิโนะ”
“ภูมิภาคคิวชู / ชิโกกุ / ชูโกกุ” | ช่วงปลายเดือนมีนาคม |
“ภูมิภาคคันไซ” | ช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน |
“ภูมิภาคคันโต” | ช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน |
“ภูมิภาคโฮคุริคุ” | ช่วงต้นเดือนเมษายน |
“ภูมิภาคโทโฮคุ” | ช่วงต้นเดือนเมษายน ถึงกลางเดือนเมษายน |
“ฮอกไกโด” | ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม |
2.โอชิมะซากุระ : OSHIMA ZAKURA(大島桜)
สายพันธุ์โอชิมะซากุระ ที่มาของชื่อพันธุ์นี้ก็คือเกาะโอชิมะ ในหมู่เกาะอิซุ รวมไปถึงแถบคาบสมุทรอิซุ และคาบสมุทรโบโซ ดอกไม้บานในช่วงเดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน โดยลักษณะเด่นของซากุระพันธุ์โอชิมะซากุระคือ ดอกไม้จะบานพร้อมๆ กับใบไม้ มองเห็นใบไม้ที่เขียวชอุ่มได้แต่ไกล ดอกไม้มี 5 กลีบต่อหนึ่งดอก ส่วนใหญ่ดอกเป็นสีขาว แต่จะมีส่วนน้อยที่เป็นสีชมพูโอรสอ่อน ซึ่งความพิเศษก็คือ เป็นดอกซากุระที่มีกลิ่นหอมพิเศษ
นอกจากนี้ส่วนของใบไม้ยังมีสารคูมาริน สารที่ให้กลิ่นหอมพิเศษ จึงนิยมนำใบไปใช้ห่อขนมญี่ปุ่น “ซากุระโมจิ” โดยจะนำใบไม้ช่วงเดือนมิถุนายน มาดองเกลือเพื่อใช้ห่อขนมซากุระโมจิ ถือเป็นใบซากุระที่มีกลิ่นหอมมากที่สุดเลยทีเดียว
3.ยาเอะซากุระ : YAE ZAKURA(八重桜)
“สายพันธุ์ยาเอะซากุระ” เป็นสายพันธุ์ที่ดอกไม้มีจำนวนกลีบมากที่สุด โดยทั่วไปดอกซากุระจะมี 5 กลีบ แต่ลักษณะเด่นของดอกซากุระชนิดนี้ทำให้ กลีบดอกจะบานทับซ้อนกันหลายๆ กลีบ ในหนึ่งดอกจะมีกลีบอยู่ตั้งแต่ 10-130 กลีบ ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิด ในบางชนิดอาจมีมากกว่า 300 กลีบต่อหนึ่งดอกเลยทีเดียว
ซากุระสายพันธุ์ “ยาเอะซากุระ” จะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะบานช้ากว่าซากุระทั่วไปอย่างโซเมอิโยชิโนะประมาณ 1-2 อาทิตย์ โดยยาเอะซากุระเองก็มีอยู่หลากหลายชนิด มีทั้งสี หรือจำนวนกลีบที่แตกต่างกันออกไป ไปทำความรู้จักบางชนิดกันเลย
3.1 “อิจิโย” : 一葉(Prunus lannesiana Wils. cv. Hisakura)
“อิจิโย” ดอกสีชมพูอ่อน ช่วงดอกตูมจะเป็นสีชมพูเข้ม แต่เมื่อบานแล้วก็จะมีสีที่อ่อนลง จำนวนกลีบประมาณ 25 กลีบต่อหนึ่งดอก บานในช่วงประมาณกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือน
3.2 “คันซัน” : 関山(Prunus lannesiana Wils. cv. Sekiyama)
“คันซัน” เป็นสายพันธุ์ตัวแทนของยาเอะซากุระ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นคือ ใบที่มีสีเข้ม กลีบดอกจำนวน 25-40 กลีบ ส่วนของดอกไม้สามารถนำไปดองเกลือ เพื่อมใช้ตกแต่งขนมอังปัง หรือข้าวปั้นโอนิกิริ
3.3 “ฟุเก็นโซ” : 普賢象(Prunus lannesiana ‘Alborosea’)
“ฟุเก็นโซ” ขนาดดอกประมาณ 4-5 เซนติเมตร ลักษณะเด่นคือดอกตูมสีเข้ม แต่เมื่อดอกบานจะเป็นสีชมพูอ่อน ค่อนไปทางสีขาว จำนวนกลีบประมาณ 20-40 กลีบต่อหนึ่งดอก
4.คาวาซุซากุระ : KAWAZU ZAKURA(河津桜)
“คาวาซุซากุระ” ถูกต้นพบขึ้นที่เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซุโอกะ ตั้งแต่ปีค.ศ.1972 ซึ่งเป็นซากุระที่เริ่มบานเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ คือเริ่มบานตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม เป็นเวลา 1 เดือน
โดยในทุกๆ ปีจะมีงานเทศกาลคาวาซุซากุระ Kawazu Cherry Blossoms Festival ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ในปีพ.ศ.2563 ได้จัดขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ถึง วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ในงานจะได้เพลิดเพลินกับคาวาซุซากุระในพื้นที่โดยรวมกว่า 8,000 ต้น ในช่วงงานเทศกาลคึกคักไปด้วยร้านค้าแผงลอยมากมาย พร้อมเพลิดเพลินกับการฉายไฟซากุระยามค่ำคืน และงานอีเว้นท์ต่างๆ อีกมากมาย
สามารถชมช่วงเวลาดอกไม้บานเต็มที่ได้ประมาณ 7-10 วันเท่านั้น เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้เช็คข้อมูลก่อนการเดินทางจะดีที่สุด และถึงแม้ว่าจะไม่ทันช่วงดอกซากุระบานเต็มที่ แต่ช่วงที่ดอกซากุระบาน 50-60% ก็สวยไม่แพ้กัน เป็นอีกที่ชมซากุระที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
5.ชิดาเระ ซากุระ : SHIDARE ZAKURA(枝垂れ桜)
“ชิดาเระซากุระ” เป็นดอกซากุระสายพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือ กิ่งจะตกลงมาจากด้านบน ราวกับน้ำตกซากุระ เนื่องจากส่วนกิ่งที่มีลักษณะบางทำให้กิ่งทั้งหมดทิ้งดิ่งตกลงสู่พื้นสวยงามแปลกตา ซึ่งจะบานเร็วกว่าโซเมอิโยชิโนะเล็กน้อย สีของดอกชิดาเระซากุระจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดตั้งแต่สีชมพูเข้มไปจนถึงสีชมพูอ่อน และถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่อายุยืนยาว บางต้นมีอายุมากกว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว
ช่วงเวลาชมดอกชิดาเระซากุระจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน ในบางพื้นที่อาจบานตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นไป
ผู้คนโดยส่วนใหญ่อาจจำภาพซากุระที่มีเพียงห้ากลีบ และสีชมพูอ่อนเท่านั้น แต่เมื่อเจาะลึกถึงซากุระสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นดูแล้ว จะเห็นว่าซากุระของญี่ปุ่นมีเสน่ห์ มีความหลากหลาย มากกว่าที่ทุกคนคิด และหวังว่าทุกคนจะได้ท่องเที่ยวชมซากุระได้อย่างเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น