Day2-1 เที่ยวชมความเป็นญี่ปุ่นที่ 「BYOUDOUIN-HOUOUDOU」ที่อุจิ


Day2-1 เที่ยวชมความเป็นญี่ปุ่นที่ 「BYOUDOUIN-HOUOUDOU」ที่อุจิ

Day1-3 พักผ่อนคลายความเหนื่อยกับโรงแรมหรูในเกียวโตที่ 「HOTEL KEIHAN KYOTO GRANDE」

เมื่อวาน ICHIGO-CHAN ได้ใส่ชุดกิโมโนเดินเล่นในเมืองเกียวโต

ถึงจะเดินเยอะจนเหนื่อยแต่ในค่ำนั้นก็ได้ไปพักที่ 『HOTEL KEIHAN KYOTO GRANDE』โรงแรมที่นี่ทั้งสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน แถมเพิ่งปรับปรุงใหม่สวยมาก ได้พักผ่อนคลายเหนื่อยแบบเต็มที่และได้ชาร์ทพลังแล้ว

วันนี้เราจะไปสถานที่ชื่อดังของเกียวโตที่พระมหากษัตริย์องค์ก่อนองค์ภูมิพลได้เสด็จมาเยือนด้วยที่ วัดเบียวโดของอุจิ และเดินเล่นที่นาราที่มีพระพุทธรูปชื่อดังและกวางกัน

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เช็คเอ้าท์ที่『HOTEL KEIHAN KYOTO GRANDE』แล้ว

ก็นั่ง JR สถานีเกียวโต สายนารา เพื่อไปจังหวัดนารากัน

จาก HOTEL KEIHAN KYOTO GRANDE ไปสถานีเกียวโต ใช้เวลาเดินไปเพียง 2 นาที

ออกจากโรงแรมก็จะเจอบันไดเพื่อลงไปทางเดินที่อยู่ด้านซ้ายมือทันที ให้ลงบันไดไปแล้วเดินตรงไป และเลี้ยวขาวที่สามแยกตรงทางเข้าใต้ดินของห้าง「AVANTI」

เลี้ยวขวามาแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ ลงจากทางสโลปและยูเทิน เพื่อขึ้นบันไดไปและเลี้ยวขวาก็จะถึงช่องตรวจตั๋ว JR 「HACHIJOU EAST ENTRANCE」

ก่อนจะขึ้นรถไฟเราก็ต้องซื้อตั๋วกันก่อน

วิธีซื้อก็ง่ายนิดเดียว

ก่อนอื่นก็ต้องเช็คราคาตั๋วจากบอร์ดด้านบนเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติกันก่อน

สถานีอุจิราคา 240 เยน

กดปุ่มราคาตามจำนวน ปุ่ม 「240」จากนั้นก็ใส่เงิน เท่านี้ก็เรียบร้อย

รถไฟที่ไปอุจิ จะออกจากชานชาลาที่ 8, 9 และ 10

รถไฟจะวิ่งตั้งแต่ ตี 5 จนถึง 23 นาฬิกา โดยจะวิ่งวันละ 5-6 เที่ยว ถ้าเป็นรถด่วนก็จะจอดเฉพาะสถานีหลักๆ ใช้เวลา 20 นาที ส่วนแบบธรรมดาที่จอดทุกสถานีจะใช้เวลา 25-30 นาที (ขึ้นอยู่กับรถไฟ)

ถึงจะนั่งแบบธรรมดาก็ไม่โดนแซงระหว่างสถานีอยู่แล้ว ยังไงรถขึ้นขบวนต่อไปแล้วกัน รถไฟธรรมดาสายนาราจะเป็นบรรยากาศแบบเรโทร

เป็นรถไฟที่เคยใช้วิ่งในเมืองโตเกียวเมื่อ 30 ปีก่อน ตอนนี้ก็ยังคงทำหน้าที่นั้นอยู่

คนที่ชื่นชอบรถไฟจากทั่วประเทศญี่ปุ่นต่างเดินทางมาเพื่อนั่งรถไฟนี้กันด้วย

จากสถานีเกียวโตนั่งมา 27 นาที

และเราก็มาถึง สถานีอุจิ

สามารถเดินจากสถานีอุจิไปตามทางถึง วัดเบียวโด BYOUDOUIN-HOUOUDOU ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นตรวจตั๋วที่สถานีอุจิ เมื่ออกมาจากช่องตรวจตั๋วแล้วให้ไปทางซ้ายที่「SOUTH EXIT」

เมื่อออกจากประตูทางใต้แล้วก็เดินตรงไปโดยให้สถานีอยู่ด้านหลัง และข้ามสี่แยกไป ข้ามมาแล้วก็เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวไปทางซ้ายและตรงไปเรื่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ 5 นาทีก็จะเจอกับสี่แยกที่มีแม่น้ำ

ข้ามแยกไปและเฉียงไปทางซ้าย เดินไปทางที่ไม่มีเสาโทริอิตามภาพที่ 4

เดินตรงไปเรื่อยๆประมาณ 3 นาที

ก็จะมาถึง『BYOUDOUIN-HOUOUDOU』

ต้องไปซื้อตั๋วเข้าชมที่หน้าทางเข้าก่อน ผู้ใหญ่ราคา 600 เยน ช่วงอายุ13-18 ปีราคา 400 เยน และอายุน้อยกว่า 12 ปีราคา 300 เยน

ผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอสวนที่มีต้นสนและสนามหญ้าเขียวชอุ่ม

วัดเบียวโดก่อตั้งมาเกือบ 1000 ปีมาแล้ว

เป็นวิวที่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยด้วย

และที่ๆ ICHIGO-CHAN กำลังยืนดูอยู่ตรงนี้

เมื่อ 55 ปีที่แล้ว วันที่ 31 พฤษภาคม 1963 พระมหากษัตริย์องค์ก่อนองค์ภูมิพลได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ และเด็กในชนบทก็ได้ออกมาถวายการต้อนรับพระองค์กันอย่างหนาแน่น

ถือว่าได้เห็นภาพที่พระมหากษัตริย์องค์ก่อนองค์ภูมิพลได้ทรงทอดพระเนตร นับว่าเป็นเกียรติและรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง

และจะเห็น วัดเบียวโด โฮโอโด BYOUDOUIN-HOUOUDOU เหมือนกำลังลอยอยู่บนบ่อน้ำเลย

ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 960 กว่าปีก่อนคือเมื่อปี 1053

ที่นี่ถูกลงทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและลงทะเบียบเป็นมรดกโลกด้วย เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในหมู่คนญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

ที่นี่มี ความสวยงามและประวัติอันยาวนาน

และที่สำคัญเป็นสถานที่ที่อยู่บน「เหรียญ 10 เยน」ของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าคนญี่ปุ่นคนไหนก็ต้องมีพกไว้ในกระเป๋าตังค์แน่นอน

นอกจากนี้สิ่งที่ถูกประดับอยู่บนหลังคาอย่าง HOUOUZOU ก็ถูกพิมพ์ไว้ในแบงค์ 1 หมื่นเยนของญี่ปุ่นอีกด้วย

HOUOU โฮโอเป็นนกในตำนวนว่ากันว่าเป็นนกที่เป็นลางบอกเหตุแห่งโชคลาภ และที่นกตัวนี้อยู่บนแบงค์หมื่นก็เพราะหวังว่าจะให้นำความสุขและเกิดการค้าขายแก่คนทั่วโลกนั่นเอง

เดิมทีอาคารนี้ถูกเรียกว่า「AMIDADOU」แต่ด้วยนก HOUOU ที่ถูกประดับอยู่ทำให้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น「HOUOUDOU」

และที่รอบๆ บ่อน้ำของวัดเบียวโดมีดอกชิดาเระซากุระปลูกเอาไว้ด้วย

ดอกชิดาเระซากุระนี้จะเป็นดอกซากุระที่บานช้ากว่าดอกที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง「SOMEIYOSHINO」ด้วย ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นดอกชิดาเระซากุระในช่วงวันหยุดสงกรานต์ก็ได้นะ

ที่ด้านหลังฝั่งซ้ายมือของ HOUOUDOUจะมีพิพิธภัณฑ์ที่เรียกว่า『HOSHOKAN』อยู่ด้วย

ภายในสามารถเข้าชม พระพุทธรูป ระฆังวัด หรือประติมากรรมต่างๆ ได้ด้วย

ทางด้านหน้า HOSHOKAN จะมี 「MINAMI MON」ประตูทิศใต้ เราสามารถเข้าจากทางนี้ได้ด้วย

ออกจาก MINAMI MON ประตูทิศใต้ก็จะเห็นแม่น้ำอุจิทันที และจะได้เห็นวิวที่ดูเป็นญี่ปุ่นมากๆ

พื้นที่ทั้งหมดนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า 「AJIROGI NO MICHI」

「TOUNOSHIMA」กลางแม่น้ำ หรือ สะพานสีแดงที่ดูเป็นญี่ปุ่นสุดๆ「KISEN BRIDGE」เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปแบบที่สุด

บริเวณรอบๆก็จะมีร้านอาหารหรือร้านขายของฝากขึ้นชื่อของพื้นที่ต่างๆหรือชาอุจิจำหน่ายอยู่ด้วย

สีแดงเข้มของสะพานกับ แม่น้ำและภูเขา

เป็นวิวที่มีความเป็นญี่ปุ่นสูงมากเลย

「AJIROGI NO MICHI」ทั้งบริเวณจะเป็นสถานที่ใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง

พอถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงช่วงต้นธันวาคมจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะมีนั่งท่องเที่ยวมากมายต่างเดินทางมาชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่

และแล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว

「AJIROGI NO MICHI」มีร้านเรียงกันอยู่มากมายซึ่งวันนี้เลือกเข้าร้านนึงในนี้ก็คือร้าน 「SOBADOKORO NAGANO」

เป็นร้านที่เป็นต้นกำเนิดของ「UJICHA」ที่คนไทยก็รู้จักกันเยอะ

และยังสามารถชิม「CHASOBA」โซบะชาที่นวดชาอุจิกับแป้งโซบะเข้าด้วยกัน

พอเข้าไปในร้านก็จะเจอเจ้าของร้านกำลังนวดเส้นโซบะอยู่ที่ครัวด้านขวามือ สามารถดูวิธีการนวดแป้งโซบะได้ด้วย

กำลังดูเขาทำอยู่ไปเพลินๆ……

ตอนนวดแป้งหน้าคุณลุงหน้าดุจนไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย แต่พอลุงยิ้มต้อนรับให้ ICHIGO-CHAN ก็ดูใจดีมากๆเลย

เมนูก็เป็นแบบเรียบๆง่ายๆ

CHASOBA(1000 เยน)ZARUSOBA(900 เยน)CHASOBA + ZARUSOBA MIX(1100 เยน)

และถ้าบวกเพิ่มอีก 400 เยนก็จะได้ INARI SUSHI เพิ่มมาอีก 2 อัน

ICHIGO-CHAN ก็สั่งของขึ้นชื่อของร้านนี้ CHASOBA โซบะชา

เป็นแป้งโซบะ 100% ผสมกับ ผงชาอุจิ ซึ่งเป็นโซบะที่คุณลุงเจ้าของร้านนวดเอง

รสสัมผัสก็ดี และน้ำซอสที่ผสมวาซาบิก็เข้ากันจนทานหมดเกลี้ยงเลย

โซบะอร่อยมากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ

เดินไปเรื่อยๆ โดยวัดเบียวโดจะอยู่ด้านหลัง และ AJIROGI NO MICHI อยู่ทางด้านซ้าย ไปเรื่อยๆประมาณ 5 นาทีก็จะเจอแยกที่มีเสาโทริอิขนาดใหญ่

จากแยกนี้เราสามารถมองเห็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอุจิอย่าง 「UJIHASHI」สะพานอุจิด้วย

มีนักท่องเที่ยวใส่กิโมโนมา 2 คน

ทั้ง 2 คนเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่มาท่องเที่ยวที่อุจิ

ถ้าเป็นคู่รักหรือผู้หญิงที่มากันเป็นคู่ที่ใส่ชุดกิโมโนจะมีความเป็นไปได้(ถ้าขอ)ว่าเขาจะให้ถ่ายรูปด้วย

ถ้าสมมุติว่าอยากถ่ายรูปกับคนที่ใส่ชุดกิโมโนก็อาจจะพูดว่า

「SUIMASEN ISSHO NI SHASHIN WO TOTTE MORAEMASUKA??」

「ซูมิมาเซน อิชโชนิ ฉะชิน โอะ ทดเตะ โมราเอมาเซนก้ะ??」

(ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ??」

จากสะพานอุจิไปที่สถานี JR ก็แค่เดินตรงไปเรื่อยๆ โดยให้สะพานอยู่ด้านหลัง

ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวอุจิแบบเต็มที่แล้ว

ได้เวลานั่งรถไฟไปนารากันแล้ว

「พระพุทธรูปนารา」กับ「กวาง」ที่ใครๆ ก็รู้จักที่นารา ครั้งต่อไปเราจะมาแนะนำทริปที่นารานะคะ

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶