Day1-1 แต่งชุดกิโมโนที่『YUMEYAKATA OIKE BETTEI』เพื่อเดินเล่นในเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น เกียวโต


Day1-1 แต่งชุดกิโมโนที่『YUMEYAKATA OIKE BETTEI
เพื่อเดินเล่นในเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น เกียวโต

ICHIGO-CHAN นั่งเครื่องมาจากกรุงเทพ 5 ชั่งโมง 10 นาที และแล้วก็มาถึงสนามบินคันไซ

ครั้งนี้เราจะไปที่เกียวโต นารา และโอซาก้า

วันแรกที่เราจะไปคือเกียวโต Mon-Chan ก็จะมาเที่ยวกับเราและใส่ชุดกิโมโนที่ 『YUMEYAKATA OIKE BETTEI』เพื่อไปเดินเล่นในเมืองเกียวโตกัน

เมืองเกียวโตที่มีความเก่าแก่และเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น การได้ใส่ชุดกิโมโนเดินเล่นในเมืองแบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกียวโตเลย

เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาติอื่นๆ ก็อยากจะลองกันทั้งนั้น

ร้านเช่าชุดกิโมโนในเกียวโตนั้นมีอยู่มากมาย แต่ร้านที่มีพนักงานคนไทยนั้นมีเพียงไม่กี่ร้าน

วันนี้เราเลยจะมาแนะนำร้านเช่าชุดกิโมโนที่สะดวกกับคนไทย ร้าน 『YUMEYAKATA』ร้านเช่าชุดกิโมโนชื่อดังของเกียวโต

เที่ยวบินจากกรุงเทพในครั้งนี้บินมาไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลย และเราก็มาถึงที่สนามบินคันไซเป็นที่เรียบร้อย

เราได้นั่งเครื่องบินลำใหม่ของสายการบินไทย A350 ที่เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จากกรุงเทพ มาที่คันไซ กำลังเคลิ้มๆอยู่บนเครื่องก็ถึงซะแล้ว

สนามบินคันไซในเวลานี้มีทั้งเที่ยวบินจากเอเชียและยุโรปมาลงทำให้เสียเวลานานหน่อยตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง แต่เราก็มาถึงก่อนเวลา 8 โมงเช้า

เอาล่ะเราไปเกียวโตกันเลย

วันนี้เราจะได้ไปเจอ Mon-chan ที่เกียวโต

ไปใส่ชุดกิโมโนให้เรียบร้อยแล้วก็จะไปเดินในเมืองเกียวโตกันต่อเลย

ถ้าเอาสัมภาระไปเดินที่เกียวโตด้วยคงจะเกะกะน่าดู เราเลยตัดสินใจส่งของไปที่โรงแรมก่อนเลย

ญี่ปุ่นที่มีทั้งไปรษณีย์และ Delivery Service สนามบินจะมีบริษัทส่งของอยู่หลายบริษัท แต่วันนี้เลือกใช้บริการ JALABC

รับสัมภาระแล้วออกมาจากทางออกให้เลี้ยวซ้ายและตรงไปเรื่อยๆ และเดินไปจนสุดก็จะเจอบูธเลย

ส่งไปที่เกียวโตหรือโอซาก้าราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของสัมภาระ ราคาจะอยู่ในช่วง 1910 เยนถึง 2580 เยน

กระเป๋าขนาดเล็กแบบถือขึ้นเครื่องของ ICHIGO-CHAN ราคาอยู่ที่ 2130 เยน ถ้าส่งของก่อนเวลา 11 โมงเช้าของก็จะไปถึงที่โรงแรมภายในตัวเมืองเกียวโต ประมาณ 18:00 เลย

หลังจากฝากของแล้ว ICHIGO-CHAN รู้สึกสบายตัวมาก ไปเกียวโตกันเลย

จากสนามบินคันไซไปเกียวโตจะมีอยู่ 3 วิธีดังนี้

  • รถไฟแบบด่วนพิเศษ「HARUKA」

ใช้เวลาประมาณ 80 นาที 2850 เยน

  • นั่งรถบัสเพื่อไป สถานีเกียวโตประตูฮาจิโจ Kyoto Station Hachijo Entrance

ใช้เวลาประมาณ 90 นาที 2550 เยน

  • นั่งรถไฟนันไค NANKAI เพื่อไป「TENGACHAYA」เปลี่ยนรถไฟเป็นรถไฟใต้ดินสายซาไกซูจิ Subway SAKAISUJI Line กับ รถไฟฮันคิว HANKYU เพื่อไป เมืองคาวาระมาจิ KAWARAMACHI ที่เกียวโต

ใช้เวลาประมาณ 120 นาที 1230 เยน(ในกรณีที่ใช้ KYOTO・Access Ticket)

ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN เลือกเป็นข้อ ① รถไฟแบบด่วนพิเศษ「HARUKA」ที่สนามบินคันไซมี「JR Ticket Office」สำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะด้วย ซื้อตั๋วก็ง่ายนิดเดียว

รถไฟที่จะไปเกียวโต รถไฟแบบด่วนพิเศษ「HARUKA」ไม่นับส่วนหนึ่งก็จะมี 6 โบกี้รวมเข้าไว้ด้วยกัน

โบกี้ที่ 1 คือ ส่วน Green Car(First Class)ส่วนโบกี้ที่ 2 และ 3 จะเป็นโซนระบุที่นั่ง และตั้งแต่โบกี้ที่ 4 ถึง 6 จะเป็นโซนเลือกที่นั่งอิสระ

ถ้าเป็นสถานีแรกอย่างสถานีสนามบินคันไซ ถ้าไปต่อแถวก่อน แม้ว่าจะเป็นโซนเลือกที่นั่งแบบอิสระแบบไม่ระบุที่นั่งก็อาจจะมีที่นั่งอยู่ แต่ก็แล้วแต่วันและเวลา บางทีอาจจะไม่มีที่นั่งก็ได้

「HARUKA」จะวิ่งตั้งแต่ 6:30 จนถึง 22:16 และวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว เมื่อออกจากสนามบินคันไซแล้วก็จะผ่านไปที่ TENNOJI ที่มี 「ABENO HARUKAS」และสถานีที่เป็นสถานีเชื่อมต่อชินคันเซ็นอย่างสนานีชินโอซาก้า ก่อนและมุ่งหน้าไปสู่เกียวโต

ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีมานานกว่า 24 ปีแล้วภายในรถไฟยังดูสะอาดและสว่างอยู่เลย

ที่นั่งเป็นแบบ Reclining seat หันหน้าไปด้านหน้า ได้นั่งแบบสบายๆไปจนถึงเกียวโตเลย

ระยะห่างที่นั่งของรถไฟญี่ปุ่นกว้างมาก กว้างกว่าเครื่องบินที่ ICHIGO-CHAN นั่งมาซะอีก

นั่งไปประมาณ 30 นาทีก็จะผ่านในเมืองโอซาก้า ที่อยู่ด้านขวามือก็คือ ดองกี้โฮเตะ(อยากไปป!!)หรือจะเป็นโดมขนาดใหญ่ เคียวเซร่าโดม

รถไฟด่วนพิเศษ 「HARUKA」ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาถึงเกียวโต

รถไฟของญี่ปุ่นจะต่างกับ SRT เรื่องการตรงเวลา รถไฟญี่ปุ่นจะมาถึงที่หมายแบบตรงเวลาเป๊ะ

เมื่อถึงสถานีเกียวโตก็ตรงไปตามทางเลย ระหว่างทางจะเจอทางออกช่องตรวจตั๋วแต่ให้เดินผ่านไปเลย เมื่อตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอบันไดและบันไดเลื่อนเพื่อลงไปใต้ดิน เมื่อลงไปแล้วก็จะเจอทางออกช่องตรวจตั๋วให้ออกไปจากช่องนี้

เมื่อออกมาแล้วก็จะเจอจุดขายตั๋วรถไฟใต้ดินทันที

ก่อนอื่นเราจะไปกันที่ร้านเช่าชุดกิโมโน 「YUMEYAKATA OIKE BETTEI」

ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานี「KARASUMA OIKE」ด้วยรถไฟใต้ดินสายคาราสุมะ Subway KARASUMA Line และเดินเพียง 3 นาทีก็จะถึงร้าน「YUMEYAKATA OIKE BETTEI」

ก่อนอื่นก็ต้องซื้อตั๋วไป KARASUMA OIKE STATION วิธีซื้อก็ง่ายนิดเดียว ก่อนอื่นก็ต้องเช็คราคาตั๋วจากบอร์ดที่ติดอยู่ด้านบนตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก่อนเป็นอย่างแรก ค่าใช้จ่ายจากสถานีเกียวโตไปสถานีคาราสุมะโออิเกะจะอยู่ที่ 210 เยน เมื่อเปลี่ยนภาษาแล้วก็ให้เลือกปุ่ม 「Ticket」และกด 210 ตามราคาที่ได้เช็คเมื่อกี้ และใส่เงินตามจำนวนเท่านี้ก็เรียบร้อย

เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ผ่านเครื่องตรวจตั๋วเข้าไปเลย และลงบันไดเลื่อนหรือบันไดไปที่ชานชาลา

ไปสถานีคาราสุมะโออิเกะให้นั่งรถไฟจากชานชาลาที่ 2 และนั่งรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ KOKUSAIKAIKAN หรือ KITAOOJI

นั่งไป 3 สถานีประมาณ 5 นาทีก็จะไปถึง สถานีคาราสุมะโออิเกะ

เมื่อถึงคาราสุมะโออิเกะก็ให้ขึ้นบันไดที่อยู่ด้านหน้าๆของชานชาลา

เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วออกจากช่องตรวจตั๋วให้ไปทางขวา ขึ้นบันไดจากทางออก 2 เมื่อขึ้นมาแล้วก็ให้เลี้ยวขวาที่ซอยแรก

เดินไปตามถนน RYOUGAE MACHIDOURI ไปเรื่อยๆประมาณ 2 นาที

และก็จะเห็นร้านเช่าชุดกิโมโน เป็นร้านแบบตึกในเมืองเก่าอยู่ทางขวามือ ร้าน 『YUMEYAKATA-OIKEBETTEI』

ร้านเช่าชุดกิโมโนและบริการแต่งชุด『YUMEYAKATA』

เป็นร้านที่เปิดสาขาหลักในปี 2002 ที่ GOJOU เกียวโต และเปิดสาขาใหม่อีกสาขาที่ OIKE BETTEI เมื่อปีที่ผ่านมา

ที่สาขา OIKE BETTEI แน่นอนว่ามีให้บริการเช่าและแต่งชุดกิโมโน ร้านยังมีแพลนต่างๆให้บริการอยู่ด้วย เช่น ด้วยตัวอาคารเป็นบ้านแบบสมัยเก่าจึงมี「แพลนชุดกิโมโน & ถ่ายรูป」, แพลน「Location Photo」ที่เราสามารถเดินถ่ายรูปไปรอบๆเมืองกับช่างภาพมืออาชีพของทางร้าน และยิ่งไปกว่านั้นคือ แพลน「Wedding Photo」ที่เหมาะสำหรับคู่รัก ทั้งที่กำลังจะแต่งงาน เพิ่งแต่งงาน หรือคู่รักที่อยากมีรูปสวยๆเก็บเอาไว้ ก็เป็นแพลนที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

「YUMEYAKATA OIKE BETTEI」ดูภายนอกจะเป็นแนวเรโทร

ด้านในได้ตกแต่งร้านที่ได้บรรยากาศของร้านแบบสมัยก่อนในขณะเดียวกันก็ดูดีทันสมัยและมีสไตล์

และพนักงานที่บริการ ICHIGO-CHAN  ก็บริการให้อย่างดีมาก

สวนตรงกลางก็ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม

มีชุดกิโมโนอลังการสวยงามประดับไว้อยู่เหมือนเรากำลังจะได้ใส่เลย

ลายนกกระเรียนบนชุดละเอียดออ่อนสวยมากๆ

มีทั้งกิโมโนลายออริจินนอล OTAIKO OBI(สายรัดเอวโอะบิไทโกะ) ลายปกคอเสื้อ ชุดซับในหรือ กระเป๋า แต่ละอย่างมีแบบให้เลือกมากมายเลย

อันไหนก็น่ารักไปหมดเลือกไม่ถูกเลย

ICHIGO-CHAN เหมาะกับลายนี้รึเปล่า 555

เพื่อนที่เกียวโต Mon-Chan เริ่มใส่ก่อนแล้ว

Mon-Chan เลือกลายได้แล้วกำลังเปลี่ยนชุดเลย

จะเป็นยังไงน้า

ช่างแต่งหน้าและช่างที่ชำนาญการแต่งชุดกำลังแปลงโฉมให้ Mon-Chan

YUMEYAKATA OIKE BETTEI มีบริการมากมายคือ บริการเช่าชุดเรโทรลายออริจินอลกับบริการแต่งชุด(4500円)และแต่งหน้าทำผม(1500円)พร้อมบริการถ่ายรูป(1 ใบ 1500 เยน)

สามารถเลือกบริการต่างๆได้ตามต้องการเลย

ตั้งแต่เข้าร้านมาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนนี้ Mon-chan กลายเป็นหญิงงามของญี่ปุ่นไปแล้ว แต่งหน้าให้ขาวขึ้นนิดนึงแบบดูเป็นธรรมชาติ

หน้าผมก็เข้ากับชุดที่แต่งอยู่สมกับเป็นมืออาชีพจริง ๆ

หลังจากใส่ชุดแต่งหน้าทำผมจนกลายเป็นหญิงงามของญี่ปุ่นแล้วต่อไปก็มาถ่ายรูปกับช่างกล้องมือโปร

ชุดสวยๆ กับช่างกล้องทำให้ Mon-Chan เหมือนเป็นนางแบบเลย ได้รูปสวยๆมาเยอะแยะเลย

YUMEYAKATA OIKE BETTEI ราคาแพลน「แพลนชุดกิโมโน & ถ่ายรูป」รวมแล้วคือ เช่าชุด(4500 เยน)+เซ็ตผม(1500 เยน)+ รูปถ่าย 3 ใบ(4500 เยน)=10500 เยน แต่ช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดเหลือ 9000 เยนด้วย

กับรูปที่มีฉากบ้านเก่าแก่ของเกียวโตได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นสุดๆ

หรือจะเป็นรูปที่ Mon-Chan ถ่ายกับโนเรน(ผ้าม่านที่แขวนอยู่หน้าร้านค้า) ของร้าน YUMEYAKATA

พอได้ใส่ชุดสวยๆแล้วลักษณะท่าทางดูเรียบร้อยสง่างามขึ้นมาเลย ว่าไหม?

Mon-chan ได้เปลี่ยนเป็นหญิงงามญี่ปุ่นแล้วเราไปเดินรอบๆเมืองเก่าแก่ เมืองเกียวโตกันดีกว่า

ก่อนอื่นก็ต้องเดินกลับไปที่สถานี「KARASUMA OIKE」กันก่อน

จากสถานีคาราสุมะ ลงไปที่ชานชาลาเส้น TOZAI LINE ขึ้นรถไฟที่เบอร์ 2 「ปลายทาง ROKUJIZOU」

และลงสถานีที่ 3 คือ「HIGASHIYAMA STATION」เมื่อออกมาจากช่องตรวจตั๋วแล้วไปทางซ้ายและขึ้นบันไดเลื่อนไป

เมื่อขึ้นมาแล้วก็ไปทางซ้าย และเมื่อเจอสี่แยกไฟแดงให้ไปทางซ้ายก็จะเจอป้ายรถเมย์เลย

สามารถขึ้นได้ทุกสายเลยจากป้ายรถเมย์นี้ และลงป้ายที่ 2 「GION」

GION เป็นย่านที่เก่าแก่มากๆที่หนึ่งในเกียวโต

โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในวงกลมสีส้ม 2 ที่คือ บริเวณ「HANAMIKOJI DORI」กับ「GION TATSUMI BASHI」

เป็นพื้นที่ที่ยังคงความเป็นเมืองญี่ปุ่นในสมัยก่อนอยู่ ยิ่งถ้าใส่ชุดกิโมโนอยู่ยิ่งเป็นสถานที่ที่น่าถ่ายรูปอีกแห่งที่ควรไปเลย

ก่อนอื่นเลย เราจะไปกันที่「HANAMIKOJI DORI」ฮานามิโคจิโดริ

ลงจากป้ายรถบัส กิออน ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามและเดินตรงไปเรื่อย ๆ และเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไฟแดงอันแรก

เป็นบรรยากาศที่เหมือนได้ย้อนกลับไปในญี่ปุ่นเมื่อ 100 ปีที่แล้วเลย

ทางที่ปูด้วยหิน กับ หน้าต่าง KOUSHI(โครงที่ทำด้วยไม้ ขัดกันเป็นตาราง) บางๆ เรียกว่า BENGARAGOUSHI เบนการะโกชิ (หน้าต่างไม้ที่ทาด้วยสีเฉพาะ)

และโคมไฟที่ถูกประดับไว้ ได้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นมากๆกับฮานามิโคจิโดริ HANAMIKOJI DORI

ฮานามิโคจิโดริ ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด

เป็นสถานที่ที่เป็นญี่ปุ่นมากๆ เหมาะกับชุดกิโมโนสุดๆไปเลย

ลองเข้าซอยเล็กๆไปดู บรรยากาศก็จะเป็นแบบนี้

ในซอยเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านแบบญี่ปุ่นเรียงซ้อนๆกันแบบนี้ เป็นรูปที่ให้ความเป็นญี่ปุ่นสุดๆ ไปเลย

หลังจากเดินที่ ฮานามิโคจิโดริ แล้วก็เดินกลับไปทางที่ลงจากรถบัส

และที่ที่อยู่หน้าป้ายรถบัส

「YASAKA JINJA」「ศาลเจ้ายาซากะ」ที่ตั้งอยู่บนเที่ทะลุผ่านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของส้นทางหลักถนนชิโจ และคนเกียวโตมักจะเรียกว่า「ยาซากะซัง」ซึ่งเป็นหนึ่งที่ที่เป็นสถานีจัดงาน KYOTO SANDAI MATSURI งานเทศกาลกิออน GION MATSURI ด้วยทำให้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ภายในศาลเจ้าจะมียาไต ร้านค้าเรียงกันเต็มไปหมด เหมือนมีงานเทศกาลเล็กๆตลอดทั้งปี

มีโอเด้งร้อนๆ(150เยน – 300 เยน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ)สำหรับ ICHIGO-CHAN และ Mon-Chan ในความหนาวของช่วงก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิด้วย

ถึงจะใส่ชุดกิโมโนสวยๆอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรห้ามเราได้ทั้งนั้น

ด้านหลังศาลเจ้าจะมีสวนขนาดใหญ่ชื่อว่า 「MARUYAMA KOUEN」 「สวนสาธารณะมารุยาม่า」

มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเดินทางมาสวนสาธารณะมารุยาม่าตั้งแต่หัววัน โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนเมษา ช่วงของ 「SHIDAREZAKURA」ตามภาพด้านซ้าย นักท่องเที่ยวจากทั่วญี่ปุ่นต่างเดินทางมาเพื่อมาดูความสวยงามของดอกซากุระนี้

เป็นซากุระที่จะบานช้ากว่า ซากุระที่เห็นได้ทั่วไปอย่าง「SOMEIYOSHINO」เมื่อปีที่แล้ว(2017) บานเต็มที่วันที่ 10 เมษายน

ถ้าโชคดีปีนี้ก็อาจจะได้เห็นทันช่วงวันหยุดสงกรานต์ก็ได้นะ

บริเวณจากสวนสาธารณมารุยาม่า MARUYAMA KOUEN ไปจนถึงวัดน้ำใส นี้เป็นบริเวณที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโตเลย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่หลายวัด เช่น KODAIJI หรือ ENTOKU IN

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์รวมวัด ศาลเจ้า เด่นๆของเกียวโต อีกทั้งยังมีร้านขายของฝากหรือร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่อีกมากมาย

และมีบริการรถลากในพื้นที่นี้ด้วยเป็นเวลา 30 นาที (ราคา 7000 เยน)เหมาะกับชุดกิโมโนที่ใส่อยู่มากๆ

แน่นอนว่าจะได้ถ่ายรูปด้วย และคงเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวด้วยแน่ๆ『EBISUYA』

เส้นทางจากสวนสาธารณมารุยาม่า MARUYAMA KOUEN ไปจนถึงวัดน้ำใส เป็นเส้นทางที่ถูกเรียกว่า 「NENENOMICHI」「เนเนะโนะมิจิ」

เป็นเส้นทางที่ปูด้วยหินแกรนิต ทั้งสองข้างทางมีทั้งวัด ร้านคาเฟ่ต์สวยๆ ร้านขายของฝาก ชุดกิโมโนเข้ากับบรรยากาศสุดๆ

เดิน「NENENOMICHI」「เนเนะโนะมิจิ」ไปเรื่อยๆก็จะผ่านเนิน NINENZAKA และ SANNEIZAKA ไปก็จะสามารถไปที่วัดน้ำใสได้เลย

เดินชมร้านขายของฝาก และเดินซื้อของกินทานเล่น ไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง

และก็ผ่าน NINENZAKA และ SANNEIZAKA ย่านที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเกียวโต และไปยังวัดน้ำใส

ICHIGO-CHAN รู้สึกเหนื่อยนิดนึง แต่ Mon-chan ดูไม่เหนื่อยเลย

คงต้องเป็นพราะได้ใส่ชุดกิโมโนแน่ๆ ICHIGO-CHAN เลยขออยู่บนไหล่ก็แล้วกันนะ

และเราก็มาถึงที่วัดน้ำใสกันแล้ว

วัดน้ำใสที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากกว่า 5 ล้าน 5 แสนคน ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า「KIYOMIZU NO BUTAI」แปลว่าเวทีของคิโยมิซุ

ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปอีกที่ แต่น่าเสียดายว่าที่ตรงนี้จะทำการปรับปรุงซ่อมแซมและมีพลาสติกคลุมไว้ไปจนถึงปี 2021เลย ได้เห็นวัดน้ำใสที่กำลังซ่อมแซมอยู่ได้เฉพาะตอนนี้ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ แต่ ICHIGO-CHAN กับ Mon-Chan ชอบอะไรที่เป็นประโยชน์อย่างการกิน มากกว่าชมวิวสวยๆหรือชมดอกไม้น่ะสิ เหมือนสำนวนของญี่ปุ่นที่ว่า 「HANAYORI DANGO」ที่แปลว่า ได้ดังโกะดีกว่าดอกไม้

ว่าแล้วตอนนี้ก็รู้สึกหิวขึ้นมาอีกแล้ว (ทั้งๆที่เพิ่งกินโอเด้งไปนะเนี่ย)

ครั้งต่อไปเราจะไปดื่มชาทานของว่างกันที่ร้านที่  Mon-chan แนะนำร้าน MAEDA COFFEE กัน

Suponsored by Yumeyakata

        Go to the top Page        

  NEXT ▶