เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-4 เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดใน “อุจิ” ตอนใต้ของเกียวโต พร้อมทานชาเขียวมัทฉะแบบดั้งเดิม
OSAKA-KYOTO-KURAMA-UJI-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของภูเขาคุรามะ ที่ “วัดคุรามะ” และ “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” จากนั้นก็ได้เดินทางไปยัง “อุจิ” ทางตอนใต้ของเกียวโต ที่มี “ชาอุจิ” ขึ้นชื่อ เพื่อท่องเที่ยว “วัดเบียวโดอิน โฮโอโด” วัดชื่อดังที่ปรากฏอยู่ในเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น นอกจากนี้นกโฮโอที่ประดับอยู่บนหลังคาวัดแห่งนี้ก็เป็นนกที่ปรากฏอยู่ในแบงค์หมื่นของญี่ปุ่นอีกด้วย
Day3-3 เดินทางไปยัง “อุจิ” ในเกียวโต เพื่อเที่ยวชม “เบียวโดอิน โฮโอโด” ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญญี่ปุ่น
ซึ่งที่ “อุจิ” นี้นอกจากวัดเบียวโดอินที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสวยงามที่สามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติในฤดูต่างๆ, ศาลเจ้าเก่าแก่อายุมากกว่า 1000 ปี และที่สำคัญคือ “ชาอุจิ” หรือ “อุจิมัทฉะ” ที่เป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวภายใน “อุจิ”
การท่องเที่ยวด้วย「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」ในตอนที่ 14 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ท่องเที่ยวภายใน “อุจิ” กันต่อค่ะ
โดยหลังจากที่เราได้ท่องเที่ยว “วัดเบียวโดอิน” ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ใน “อุจิ” ทางต้องใต้ของเกียวโตไปแล้ว ต่อไปเราจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง”『HOSHOKAN(鳳翔館)』ที่อยู่ด้านหลังกันค่ะ
โดย พิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง” ที่ตั้งอยู่ภายในเขตวัดเบียวโดอินนี้ จะมีการจัดแสดงระฆังวัดโบราณ รูปปั้นต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุของญี่ปุ่นต่างๆ ที่ขุดพบเจอมากมายมีอายุมากกว่า 1200 ปี อย่างเช่น กระเบื้องประดับชายคา ฯลฯ เป็นต้น
โดยค่าเข้าชมในส่วน พิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง” นี้จะถูกรวมอยู่ในค่าเข้าชมวัดเบียวโดอินเลยค่ะ
และที่บริเวณด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง” นี้จะมีร้านชา “โทกะ”『TOKA(藤花)』
ร้านชาญี่ปุ่น “โทกะ”「TOKA(藤花)」จะมีเมนูชาอยู่มากมาย เป็นเมนูเรียบง่ายที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับชาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม พร้อมขนมญี่ปุ่นน่ารักๆ ในเมนูชาก็มีทั้ง “อุจิมัทฉะ”「UJI MATCHA(宇治抹茶)」(600 เยน), ชาร้อนที่ชงดื่มจากใบชา「UJI SENCHA(宇治煎茶)」(550 เยน)หรือ ชาแบบเย็น「UJI GYOROKU REICHA(宇治玉露冷茶)」(850 เยน)เป็นต้น
เมื่อออกจาก พิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง” ไปก็จะเจอหอระฆังอยู่ ซึ่งหอระฆังวัดของวัดเบียวโดอินนี้ ถือเป็นสมบัติของชาติที่เป็นหนึ่งในสามระฆังชื่อดังของญี่ปุ่น โดยระฆังของจริงจะถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ “โฮโชคัง”ส่วนระฆังที่อยู่ตรงนี้ก็คือสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั่นเอง และในวันสิ้นปี “โอมิโซกะ” ของทุกๆ ปีส่วนนี้จะถูกเปิดให้เป็น「JYOYA NO KANE(除夜の鐘)」ที่คนทั่วไปสามารถลั่นระฆังนี้ได้
“อุจิ” ที่นอกจากวัดเบียวโดแล้ว ก็ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย และต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่ “โทโนะชิมะ”「TOUNOSHIMA(塔の島)」เกาะกลางแม่น้ำของแม่น้ำอุจิ โดยเดินออกจากทางออกวัดเบียวโดอินที่อยู่เลยพิพิธภัณฑ์ไป จากนั้นก็เดินไปทางซ้ายมือ เมื่อเดินไปจนถึงสามแยกแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ และเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานสีแดงกับ “สะพานคิเซ็น”「KISEN BRIDGE(喜撰橋)」เป็นสะพานที่เชื่อมสะพานชายฝั่งแม่น้ำฝั่งตะวันตกและเกาะกลางแม่น้ำ ซึ่งถือเป็นสะพานที่มีประวัติศาสตร์และเป็นสะพานที่มีเอกลักษณ์ของอุจิ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
และที่อยู่เลยสะพานคิเซ็นไปก็คือ “โทโนะชิมะ”「TOUNOSHIMA(塔の島)」ที่เป็นสถานที่ชมดอกซากุระขึ้นชื่อ เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวที่ทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกซากุระ ทั้งสีชมพู และสีขาว กันในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน
นอกจากนี้ในช่วงดอกซากุระบานที่ “โทโนะชิมะ” ยังมีบริเวณนั่งเรือท่องเที่ยวอีกด้วย โดยสามารถนั่งเรือเป็นเวลา 20 นาที(500 เยน) ในการเที่ยวชมดอกซากุระจากมุมต่างๆ
ซึ่งความสวยงามของเกาะแม่นำ้ “โทโนะชิมะ” ไม่ได้มีเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ต้นโมมิจิ หรือ ต้นเมเปิ้ล ที่ถูกปลูกอยู่บริเวณชายฝั่งแม่น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงาม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นได้
และสะพานที่เชื่อมระหว่าง “โทโนะชิมะ” และเกาะที่อยู่ข้างๆ เกาะทาจิบานะ(橘島) และทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอุจิ ก็คือ “สะพานอาสะกิริ”「ASAGIRIBASHI(朝霧橋)」ซึ่งสะพานนี้ก็เป็นสะพานสีแดง โดยอีกฝั่งของสะพานแห่งนี้มีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอย่าง “ศาลเจ้าอุจิ”「UJI-SHRINE(宇治神社)」หรือ「UJIGAMI SHRINE(宇治上神社)」อยู่ นอกจากนี้ยังเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง วัดเบียวโดอิน โฮโอโด และ “โทโนะชิมะ” อีกด้วย
เมื่อเดินข้ามสะพานอาสะกิริ มาแล้วก็จะเจอกับ “ศาลเจ้าอุจิ”「UJI-SHRINE(宇治神社)」ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 800 ปี เป็นศาลเจ้าที่ศรัทธาในเทพเจ้าอุบุสุนะ มีความโดดเด่นทางด้าน “ความโชคดี” และ “การเรียน” เหมาะสำหรับเป็นของฝากให้กับเพื่อนๆ พี่หรือน้องๆ ที่กำลังเตรียมสอบกันอยู่เลยนะคะ
และเมื่อเดินจากศาลเจ้าอุจิ หันหน้าไปทางภูเขาก็จะเจอทางเดินขึ้นเนินอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นทางเดินไป สู่ “ศาลเจ้าอุจิกามิ”「UJIGAMI SHRINE(宇治上神社) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ได้จัดให้เป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดเบียวโดอิน โฮโอโด โดยอาคารกราบไหว้แห่งนี้เป็นอาคารสวยงามมีอายุกว่า 800 ปี ส่วนอาคารศาลเจ้าหลักนั้นมีอายุมากกว่า 1200 ปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอาคารศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
แต่น่าเสียดายที่ด้วยเวลาที่มีจำกัดในครั้งนี้ ทำให้ ICHIGO-CHAN ไม่สามารถเที่ยวชมไปถึง “ศาลเจ้าอุจิ” และ “ศาลเจ้าอุจิกามิ” ได้ โดยเราจะเดินไปทางด้านซ้ายก่อนถึงสะพานคิเซ็น เดินเรียบไปตามทางเรียบแม่น้ำที่เรียกว่า “อิจิโรกิโนะมิจิ”「AJIROGI NO MICHI(あじろぎの道)」เพื่อเดินไปทางสะพานอุจิกันค่ะ
เมื่อเดินไปซักพักก็จะได้ยินเสียงธารน้ำไหล ไปพร้อมๆ กับเส้นทางต้นไม้เปลี่ยนสีสวยงามอยู่ทางซ้ายมือ และเมื่อเดินไปตามทางเดิน “อิจิโรกิโนะมิจิ” ก็จะเจอสามแยกที่มีบันไดอยู่ ให้เดินลงบันไดนี้ไปและเลี้ยวไปทางขวามือ ที่เป็นทางเดินหน้าวัดเบียวโดอิน โฮโอโดค่ะ
หากพูดถึง “อุจิ” แล้วก็ต้องนึกถึงแหล่งผลิต “ชา” ชื่อดังของญี่ปุ่น และไหนๆ เราก็ได้เดินทางมาอุจิ แล้วก็ไม่ควรพลาด “อุจิมัทฉะ”『UJI MATCHA(宇治抹茶)』ซึ่งทางเดินหน้าวัดเบียวโดอินโฮโอโดแห่งนี้จะมีร้านค้าต่างๆ มากมายทั้งคาเฟ่ ร้านน้ำชา หรือร้านอาหาร และหนึ่งในร้านที่ได้รับความนิยมก็คือ「ROKUJO-AN(六条庵)」
เป็นร้านที่นอกจากจะมีอาหารให้ทานแล้ว ยังมีไอศกรีม หรือพาเฟต์ที่ทำจาก “อุจิมัทฉะ” หรือสามารถดื่ม “ชาอุจิมัทฉะ” แบบดั้งเดิมได้อีกด้วย
เป็นร้านที่ตกแต่งภายในดูดี ตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ สไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิล มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ และที่นั่งแบบโต๊ะ ซึ่งที่นั่งแบบโต๊ะ 2 คนภายในร้านสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นลูกค้ากลุ่มเล็กๆ ก็สามารถรองรับได้สบาย เพลิดเพลินได้ทั้ง อาหาร ของหวาน และที่สำคัญคือ “มัทฉะ” เลยทีเดียว
โดยลูกค้ากว่า 30% ของที่นี่จะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นเมนูที่ร้านจะมีรูปภาพประกอบให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสั่งได้อย่างง่ายดาย เฉพาะเมนูของหวานก็มีให้เลือกมากมายทั้ง “พาร์เฟต์มัทฉะ”「MATCHA PARFAIT(抹茶パフェ)」หรือ “พาร์เฟต์โฮจิฉะ”「HOUJICHA PARFAIT(ほうじ茶パフェ)」 “มัทฉะเซ็นไซ”「抹茶ぜんざい」หรือ “โอฉะโนะฮายากิ”「OCHA NO HAYAKI(お茶の葉焼)」ในราคาอย่างละ 600 เยน นอกจากนี้หากเพิ่มอีก 250 เยน ก็สามารถเลือกเครื่องดื่มจาก มัทฉะแบบดั้งเดิม กาแฟ หรือ ชาฝรั่งได้อีกด้วย
หากสั่งเซตพร้อมมัทฉะก็จะได้ทานมัทฉะแบบดั้งเดิม ชงแบบดั้งเดิมเลยค่ะ จะให้พนักงานชงให้เลย หรือเพื่อนๆ จะลองชงชามัทฉะด้วยที่ชงแบบไม้ของญี่ปุ่นได้ด้วยตัวเองอีกด้วย วิธีทำพนักงานก็จะอธิบายให้อย่างละเอียด เป็นประสบการณ์ดีๆ ในการมาเที่ยวอุจิเลยนะคะ
ICHIGO-CHAN ได้สั่งเป็นเซตขนม “โอฉะโนะฮายากิ”「OCHA NO HAYAKI(お茶の葉焼)」พร้อมมัทฉะ(850 เยน)เป็นขนมญี่ปุ่น “อิมากาวะยากิ” รูปใบไม้จำนวน 2 อัน หนึ่งอันเป็นรสชาติคัสตาร์ทครีม ส่วนอีกอันเป็นรสถั่วแดงกวน ด้านนอกหอมกรอบ ส่วนด้านในหวานนุ่ม นอกจากนี้ยังเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมมัทฉะ และวิปครีมอีกด้วย
ได้ทานของหวานคู่กับ “มัทฉะ” แบบดั้งเดิมแล้ว เป็นรสชาติความอร่อยของญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ
หลังจากได้เพลิดเพลินไปกับ “มัทฉะ” และขนมหวานแล้ว ตอนนี้ข้างนอกก็มืดสนิท เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว (รองรับบัตรเครดิต) ก็ได้เวลาบอกลาเจ้าของร้านใจดีแล้ว
และตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงท้ายของทริปท่องเที่ยวด้วยพาสสุดคุ้ม「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」แล้ว เราจะออกจากร้านเพื่อเดินทางไปยังโอซาก้า เข้าที่พักของเราในคืนนี้กันค่ะ
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารค่ำในเมนูของทอดเสียบไม้ “คุชิคัตสึ” อาหารขึ้นชื่อของโอซาก้า และเข้าพักโรงแรม「HOTEL ART INN NAMBA」ที่โดทงโบริในโอซาก้ากันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪
【ตารางการเดินทาง Day3-4 UJI AREA】