Day1-3 เที่ยชม “ปราสาทฮิเมจิ” ที่ยิ่งใหญ่ พร้อมมุมถ่ายรูปที่สวยงามต่างๆ มากมาย

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-3 เที่ยชม “ปราสาทฮิเมจิ” ที่ยิ่งใหญ่ พร้อมมุมถ่ายรูปที่สวยงามต่างๆ มากมาย

HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA

 หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางจากโอซาก้าด้วยรถไฟ New Rapid Service มาจากโอซาก้า จากนั้นก็ได้เดินเท้าจากสถานีฮิเมจิมาประมาณ 15 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง “ ปราสาทฮิเมจิ”「HIMEJI CASTLE(姫路城)」ปราสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น

และตอนนี้เราก็ได้ใช้พาสสุดคุ้ม「KANSAI ONEPASS」ในการซื้อตั๋วราคาพิเศษเข้ามาที่ภายในปราสาทเป็นที่เรียบร้อย

Day1-2 เดินทางจาก “สถานีฮิเมจิ” แวะทาน “ฮิเมจิโซบะ” และเดินทางไปยัง “ปราสาทฮิเมจิ”

“ปราสาทฮิเมจิ” ขนาดใหญ่นี้ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี และได้ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลก เป็นหนึ่งในปราสาทต้นแบบที่ยังคงหลงเหลืออยู่ไม่มากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภายในปราสาทจะมีจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจอยู่มากมาย สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงามเฉพาะของปราสาทเก่าแก่ และเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「KANSAI ONE PASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืนตอนที่ 3 นี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวภายใน “ปราสาทฮิเมจิ” พร้อมเพลิดเพลินกับมุมถ่ายรูปสวยๆ ของปราสาทกันค่ะ

 ปราสาทฮิเมจิขนาดใหญ่ ที่มักถูกใช้เป็นฉากในซีนปราสาทเอโดะในโตเกียว ของภาพยนตร์ญี่ปุ่น (ที่เดิมทีเป็นที่พักอาศัยของโชกุน) มีหอคอยปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์สูงกว่า 92 เมตร   ซึ่งจะต้องผ่านประตูมากมายหลายชั้นเพื่อเข้าไปถึงหอคอยปราสาท ระหว่างทางสามารถเพลิดเพลินกับภาพปราสาทที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำของคูน้ำรอบๆ ปราสาทได้ที่ “คูน้ำมิคุนิ” พร้อมมุมถ่ายรูปมากมาย เมื่อถ่ายรูปที่บริเวณนี้ไปแล้ว เราก็เดินเข้าไปด้านในกันเลย

เมื่อผ่านำ้ มาแล้ว ประตูแรกที่ต้องรอดผ่านก็คือ “ประตูอิโนะมง” 「ประตรู いの門」ก็จะเข้าสู่ลานกว้างที่เรียกว่า “นิโนะมารุ”NINOMARU(」ซึ่งจากมุมนี้จะเป็นวิวกำแพงหินที่ยิ่งใหญ่เหมือนป้อม

เมื่อเดินจากตรงนี้ไปก็จะผ่าน “ประตูโระโนะมง”「RONOMON(ろの門)」จะเป็นบริเวณที่มองไปเห็นตัวหอคอยปราสาท เมื่อเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเหมือนว่าเรากำลังเดินออกจากตัวปราสาทไปเล็กน้อย ซึ่งการสร้างแบบนี้จะเป็นการหลอกศัตรูเพื่อให้ศัตรูที่ต้องการบุกตัวหอคอยปราสาทสับสนว่า “อาจจะกำลังไปผิดทางอยู่” เหมือนกำลังหลงทางอยู่นั่นเอง

เมือรอดผ่านประตูไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นทางขึ้นเนินเล็กน้อย และที่กำแพงบริเวณนี้ช่องหน้าต่างเล็กๆ ทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมอยู่ตามจุดทางๆ เพื่อลองลงไปยังทางเดินข้างล่าง

และเป็นช่องที่ถูกทำขึ้นเพื่อให้สามารถยิงธนู หรือปืนป้องกันศัตรูที่กำลังบุกรุกเข้ามานั่นเอง ซึ่งหน้าต่างทรงสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยมที่อยู่บริเวณกำแพงสีขาวก็เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่น่าสนใจ และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักรบในการปกป้องปราสาทนั่นเอง

ซึ่งที่ประตูต่างๆ ก็มีกลโกงอยู่เช่นกัน เนื่องจากประตูแต่ละจุดจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ และสร้างแบบเตี้ยๆ เพื่อเป็นการป้องกันศัตรูที่ขี่ม้าบุกรุกเข้ามาได้ นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้ศัตรูสามารถถือหรือเหวี่ยงหอกกับเาบเข้ามาได้นั่นเอง

ปราสาทฮิเมจิที่สร้างมาให่เกิดความสับสนเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตด้วยการสร้างทางเดินให้แคบลงในบางจุด หรือการตั้งใจสร้างทางลาดชันขึ้นบริเวณใกล้ๆ หอคอยปราสาท โดยปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่คงเหลือมาตั้งแต่สมัยก่อนเนื่องจากเป็นปราสาทที่ไม่เคยถูกเพลิงไหม้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ผ่านมายาวนานกว่า 400 ปี คงความสวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของฮิเมจิมาช้านาน

เมื่อเดินจากทางเข้สปราสาทมาประมาณ 15 นาที ในที่สุดเราก็เริ่มมองเห็นทางเข้าหอคอยผราสาทขึ้นมาแล้วค่ะ โดยการเดินเข้าชมหอคอยปราสาทจะต้องถอดรองเท้า เพราะฉะนั้นจะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกที่ทางปราสาทเตรียมไง้ให้ และเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะถือเดินชมภายในหอคอยปราสาทแหง่นี้เลยค่ะ

หอคอยปราสาทที่ถูกสร้างมากว่า 400 ปี  ได้ฝ่าฝันเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือการโจมตีทางอากาศ(จากสงครามแปซิฟิก) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ ภายในหอคอยปราสาทเป็นส่วนที่คงสภาพบรรยากาศมาตั้งแต่สร้างปราสาทนี้ขึ้นมาเลยค่ะ

โดยภายในหอคอยปราสาทจะมีการจัดแสดงโมเดิลจำลองเมืองบริเวณฮิเมจิในช่วงยุคสมัยเอโดะเมื่อ 150-400 ปีก่อน หรือจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่เคยถูกใช้จริงในสมัยก่อนเอาไว้ ให้คนที่สนใจทางด้ายประวัติศาสตร์ได้เดินเที่ยวชมอย่างเต็มที่

 และบริเวณจุดต่างๆ ภายในหอคอยปราสาทจะมี QR โค้ดให้สแกนเพื่อเข้าชมการแนะนำอธิบายรายละเอียดหอคอยปราสาทในชั้นต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้โครงสร้าง หรือวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้นได้ที่หอคอยปราสาทแห่งนี้

และเมื่อขึ้นบันไดชั้นๆ ที่เป็นการสร้างแบบสมัยก่อนไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุดก็สามารถเพลิดเพลินกับวิวรอบๆ หอคอยปราสาทได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าปราสาทอื่นๆ อย่างเช่นปราสาทโอซาก้า ปราสาทโอดาวาระ หรือปราสาทวาคายาม่าจะเป็นหอคอยปราสาทที่มีระเบียงชมวิวในชั้นบนสุด แต่ที่หอคอยปราสาทฮิเมจิแห่งนี้จะไม่มีระเบียงขมวิว แต่จะเป็นการชมวิวรอบๆ จากหน้าต่างแทนค่ะ

แน่นอนว่าเพื่อนๆ จะได้เห็นทั้งวิวเมืองฮิเมจิ และวิวกำแพงที่ทอดยาวเรียบสันเขาราวกับเป็นปราสาทยาวไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นวิวที่หาชมได้เฉพาะที่ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้เท่านั้น

 และที่พอเศษสุดๆ ไปเลยก็คือศาลเจ้าเล็กๆ ที่อยู่ในชั้นบนสุดหอคอยปราสาทแห่งนี้ ซึ่ง “ศาลเจ้า刑部神社” แห่งนี้ก็คือศาลเจ้าที่ปกป้องหอคอยปราสาทแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่เคยตั้งอยู่ที่ภูเขาฮิเมจิยามะ ตั้งแต่ก่อนปราสาทแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมา ปัจจุบันมีศาลเจ้านี้อยู่ทั้งหมด 3 จุดในเมืองฮเมจิ

หลังจากที่เพลิดเพลินกับ วิวเมืองฮิเมจิจากหอคอยปราสาทแล้ว เราจะเดินกลับลงบันไดชันกันค่ะ และวิวที่เหมือนจากบันไดชันก็คือวิวเมืองฮิเมจิ และเมื่อมองกลับเข้ามาในตัวปราสาทก็จะให้ความรู้สึกเหมือนได่ย้อนเวลาไปญี่ปุ่นสมัยเอโดะเลยทีเดียว

ซึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของปราสาทฮิเมจิก็ไม่ได้มีเพียงหอคอยปราสาทเท่านั้น เดินออกจากหอคอยปราสาทไปทางขวามือ เพื่อเดินไปทาง「HYAKKEN ROUKA(百間廊下)」ที่เชื่อมกับบริเวณ “นิชิโนะมารุ” กันเลย ซึ่งในส่วน「HYAKKEN ROUKA(百間廊下)」นี้ก็เป็นส่วนที่ตะต้องถอดรองเท้าเพื่อเดินเข้าชม เพราะฉะนั้นถอดรองเท้า ใส่ถุงพลาสติกแล้วเดินเข้าไปข้างในกันเลย

 ที่ทางเดินยาวกว่า 240 เมตรนี้จะมีกลลวงหลอกเพื่อศัตรูอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างเช่น「หน้าต่างกลหลวง」และเมื่อเดินไปจนเกือบสุดทางHYAKKEN ROUKA(百間廊下) แล้วมองกลับไปทางหอคอยปราสาทก็จะได้เห็นวิวสวยๆ แบบในภาพเลยค่ะ

 และเมื่อเดินเลยเฮียวค่ินชยไปก็จะเข้าสู่บริเวณ “นิชิโนะมารุ” สถานที่ชมดอกซารุระที่มีต้นซากุระอยู่มากมายถึง 1000 ต้น เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายนก็จะเป็นช่วงมี่ดอกโซเมอิซากุระบานสวยงาม สามารถชมวิวซากุระไปพร้อมๆ กับปราสาทฮิเมจิที่ยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างสวยงาม

และในช่วงต้นเดือนเมษายนจะมีกิจกรรม “ดอกซากุระยามค่ำคืนของปราสาทฮิเมจิ” ที่เพื่อนๆ สามารถชมปราสาทฮิเมจิที่โดยปกติแล้วไม่สามารถเข้าชมได้ เพื่อเพลิดเพลินกับการฉายไฟซากุระยามค่ำคืนที่สวยงามได้อย่างเต็มที่แบบฟรีๆ

และนอกจากซากุระแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวที่แตกต่างกันออกไปทั้ง 4 ฤดูได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ, 「ยูกาตา」ในช่วงต้นฤดูร้อน, ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือวิวหิมะในช่วงฤดูหนาว เรียกได้ว่าสามารถเพลิดเพลินกับปราสาทฮิเมจิ ในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

เดินชมหอคอยปราสาทฮิเมจิ และเดินรอบๆ บริเวณนิชิโนะมารุไปเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ด้านหน้านิชิโนะมารุนี้จะมีทางออกปราสาทฮิเมจิอยู่ ซึ่งที่บริเวณนี้จะมีร้านจำหน่ายของฝากขนาดใหญ่ที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะของปราสาทฮิเมจิอยู่มากมาทาย

ของฝากที่จำหน่ายของฝากที่ร้านก็มีจำหน่ายอยู่มากมาย ทั้งพวงกุญแจ「SHIROMARUHIME(しろまるひめ)」ราแรคเตอร์ของปราสาท) รับผิดชอบในส่วนของตัวเองที่ดี “ตุ๊กตา” (แต่ละชนิด 540 เยน) “ปากกา”(480 เยน)และ “หมวก”(แต่ละชนิด 970 เยน)เป็นต้น

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชมปราสาทเก่าแก่ขนาดใหญ่กับ “ปราสาทฮิเมจิ” ไปเต็มที่แล้ว เมื่อเดินเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิที่สวยงาม และกว้างใหญ่นี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว สถานที่ต่อไปที่เรากำลังจะไปหลังจากนี้ก็คือ “ชินนางาตะ” ทางบริเวณตะวันตกของเฮียวโงะ เพื่อเที่ยวชม “เท็ตสึจิน หุ่นเหล็กหมายเลข 28”「TETSUJIN 28 GOU」และเที่ยวชมเมืองโกเบเมืองอ่าวที่สวยงามกันค่ะ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-3 HIMEJI CASTLE】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “KANSAI ONE PASS”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶