เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานครมาเป็นเวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาที่คันไซเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นเราก็ได้ซื้อพาสสุดคุ้ม「KANSAI ONEPASS」ที่ใช้ในทริปนี้และนั่งรถไฟเดินทางมายัง “ฮิเมจิ” ที่มี “ปราสาทฮิเมจิ”「HIMEJI CASTLE(姫路城)」เป็นที่เรียบร้อย
Day1-1 เริ่มทริป! ออกเดินทางจากกรุงเทพ เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นจากสนามบินคันไซ เดินทางไปสู่ปราสาทฮิเมจิ
การท่องเที่ยวด้วยพาสสุดคุ้ม「KANSAI ONE PASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืนในตอนที่ 2 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ทานอาหารกลางวันเป็นเมนูขึ้นชื่อของฮิเมจิกับ “ฮิเมจิโซบะ” จากนั้นเดินเล่นย่านร้านค้า「MIYUKI DORI(みゆき通り)」ที่ทอดยาวจากสถานีฮิเมจิไปสู่ปราสาทฮิเมจิ เพื่อเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่กับ “ปราสาทฮิเมจิ”「HIMEJI CASTLE(姫路城)」กันค่ะ
เดินทางจากสถานีโอซาก้ามาด้วยรถไฟด่วน Special Rapid Service เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาที่ “สถานีฮิเมจิ”「HIMEJI STATION」ใกล้ปราสาทฮิเมจิเป็นที่เรียบร้อย ที่บริเวณประตูเหนือของสถานีฮิเมจิ(HIMEJI CASTLE EXIT) นั้นจะมีระเบียงจุดชมวิวที่เรียกว่า「CASTLE VIEW」ให้ได้เข้าชมวิวเมืองพร้อมปราสาทฮิเมจิที่สวยงามได้ฟรี
เมื่อออกจากสถานีฮิเมจิทางประตูเหนือแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดที่อยู่ตรงหน้าไปก็จะมองเห็นวิวเส้นทางหลักจากสถานีฮิเมจิไปสู่ปราสาทฮิเมจิกับ「OTEMAE STREET(大手前通り)」และปราสาทฮิเมจิที่ยิ่งใหญ่อยู่ตรงกลางพอดีสวยมากๆ เลยค่ะ
ซึ่งระยะทางจากสถานีฮิเมจิไปยังปราสาทฮิเมจิจะอยู่ที่ 900 เมตร ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึงแม้ว่าถนนเส้น “โอเตะมาเอะ OTEMAE STREET” จะเป็นเส้นทางเดินตรงไปง่ายๆ เลยแต่ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เราจะเดินย่านร้านค้า “มิยุกิโดริ”「MIYUKI DORI(みゆき通り)」เรียบถนนเส้นหลักเพื่อเดินทางไปปราสาทฮิเมจิกันค่ะ
ซึ่งการเดินทางจากสถานีฮิเมจิไปยังย่านร้านค้ามิยุกิโดรินั้นให้เดินออกจากสถานีฮิเมจิทางฝั่งประตูเหนือ(HIMEJI CASTLE EXIT) ไปทางขวามือ จากนั้นก็จะเจอทางเข้าย่านร้านค้าอยู่ทางซ้ายมือเลย
ซึ่งย่านร้านค้ามิยุกิโดริแห่งนี้จะเป็นบริเวณที่มีหลังคา เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าฝนจะตก หรือวันที่อากาศหนาวเย็นก็สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวลสภาพอากาศใดๆ เลยค่ะ เท่านั้นไม่พอภายในย่านร้านค้าบริเวณนี้ก็มีร้านค้าต่างๆ มากมายทำให้นึกถึงย่านร้านค้าชินไซบาชิซุจิที่โอซาก้าเลยทีเดียว เพราะว่าที่นี้มีทั้งร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร หรือร้าน Drugstores อยู่มากมาย ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายอยู่ที่นี่ก็ราคาไม่แพง ไม่ค่อยต่างจากราคาสินค้าที่บริเวณย่านร้านค้าชินไซบาชิซุจิเลยค่ะ แต่ข้อดีก็คือที่นี่คนจะไม่หนาแน่นทำให้สามารถเดินช้อปปิ้งได้แบบสบายๆ เลยค่ะ
และนอกจากร้าน Drugstores แล้วที่นี่ยังมีร้านคาราโอเกะ หรือร้านเกมอยู่มากมายให้ได้เพลิดเพลินระหว่างเดินทางไปยังปราสาทฮิเมจิ ซึ่งที่ร้านเกมต่างๆ ก็จะมีตู้ “กาชาปอง” ตู้คีบคุ๊กตา และที่สำคัญมีตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์พุริคุระ เก็บภาพน่ารักๆ ไว้เป็นความทรงจำดีๆ ระหว่างทริปกันได้เลย
เราได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซมาเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารกลางวันกันแล้ว โดยที่ฮิเมจินี้ก็มีอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่อยู่มากมายทั้ง「ฮิเมจิโซบะ」「ฮิเมจิโอเด้ง」หรือ「คามาโบโกะ(คล้ายลูกชิ้นปลา)」แต่วันนี้เราจะไปทาน「ฮิเมจิโซบะ」ที่ร้าน「SHINSHUYA(信州屋)」ร้านดังกันค่ะ
ซึ่งร้าน「SHINSHUYA(信州屋)」นี้เมื่อเดินเข้ามาจากทางเข้าย่านร้านค้ามิยุกิแล้ว ก็เลี้ยวขวาที่แยกไฟแดงแรกก็จะเจอร้านทันทีเลย (ด้านซ้ายมือจะมีธนาคาร MIZUHO เป็นสัญลักษณ์) เดินจากสถานีฮิเมจิมาเพียง 5 นาทีเท่านั้น
เมื่อเลี้ยวขวาที่แยกแรกของย่านร้านค้าถนนสายมิยุกิโดริแล้ว เดินไปประมาณ 50 ก้าว ก็จะเจอร้าน「SHINSHUYA(信州屋)」อยู่ทางด้านซ้ายมือเลย เราเข้าไปในร้านกันเลย
ร้านจะมีอยู่ 2 ชั้น ให้บรรยากาศแบบเงียบสงบมีที่นั่งแบบโต๊ะ 4 คน 2 คน และแบบโต๊ะใหญ่ 8 คนที่สามารถรองรับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ เมื่อเข้ามาในร้านก็จะมีเคาน์เตอร์ครัวอยู่ด้านขวามือ กลิ่นหอมๆ โชยไปทั้งร้านเลยค่ะ
เมนูหลักๆ ของที่ร้านก็คือ “ฮิเมจิโซบะ” ที่มีให้เลือกหลาหลายรูปแบบ อย่างเช่น แบบไม่มีท็อปปิ้ง “คาเคโซบะ”「KAKESOBA(かけそば)」(550 เยน), แบบท้อปปิ้งด้วยเนื้อปรุงรสหวานเค็ม「NIKUSOBA(肉そば)」(750 เยน)หรือ โซบะพร้อมกุ้งเท็มปุระตัวโต「TEMPURASOBA(天ぷらそば)」(900 เยน)ซึ่งนอกจากเมนูโซบะแล้ว ก็ยังมีเมนูข้าวหน้าต่างๆ อีกด้วยอย่างเช่น 「TEMPURA ZARUSOBA SET(天ぷら付ざるそばセット)」(1450 เยน)หรือ「INAKASOBA SET(田舎そばセット)」(1250 เยน)
ส่วน ICHIGO-CHAN สั่งเป็น “เท็มปุระโซบะ” นอกจากกุ้งเท็มปุระตัวใหญ่แล้ว ก็ยังมีเท็มปุระผัก และเท็มปุระกุ้ง พร้อมน้ำซุปสไตล์คันไซ ซึ่งรสชาติน้ำซุปจากสาหร่ายคมบุ และปลาคัตสึโอะ เป็นอะไรที่เข้ากับเท็มปุระกรอบๆ เป็นอย่างยิ่ง และสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเพิ่มความเผ็ดก็สามารถปรุงพริกที่เตรียมไว้ที่โต๊ะได้ตามความชอบเลย
ซึ่งเชฟที่นี้คลุกคลีกับการทำโซบะมากว่า 30 ปี เรียกได้ว่าเป็นมือโปรทางด้านโซบะมากๆ โดยร้านนี้เป็นร้านที่เก่าแก่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น มาช้านาน
ทานเสร็จแล้วก็ไปเช็คบิลกันเลย ที่ร้านจะรับแต่เงินสดเท่านั้นนะคะ
หลังจากที่เพลิดเพลินกับโซบะอร่อยๆ แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปสถานที่ไฮไลท์ของฮิเมจิที่ “ปราสาทฮิเมจิ”「HIMEJI CASTLE(姫路城)」 กันเลย เมื่อออกจากร้านแล้วก็เดินไปทางขวามือ เพื่อกลับไปที่ “ย่านร้านค้ามิยุกิโดริ” และเลี้ยวขวาที่สี่แยก เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอถนนใหญ่ เมื่อเดินข้ามไปแล้วก็จะเจอย่านร้านค้า「Honmachi Shopping Street : 本町商店街」ให้ตรงเข้าไปเรื่อยๆ เลย เมื่อเดินออกจากร้านมาประมาณ 5 นาที ก็จะเจอลานกว้างแบบในรูปภาพด้านล่างอยู่ตรงหน้าเลย ซึ่งที่เห็นมาแต่ไกลก็คือ “ปราสาทฮิเมจิ” นั่นเอง
และเมื่อเดินตรงผ่านเข้าไปในลานกว้าง และเดินเรียบไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอทางม้าลาย ให้ข้ามทางม้าลายไปทางปราสาทฮิเมจิ ก็จะเจอปราสาทอยู่ทางซ้ายมือเลย จากนั้นก็เดินเรียบคูน้ำปราสาทไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานไม้อยู่ทางขวามือ พร้อมกับประตูทางเข้า ซึ่งจุดนี้ก็คือทางเข้าปราสาทฮิเมจินั่นเอง
วิวบริเวณนี้จะได้เห็นทั้งสวนต้นสนญี่ปุ่น สะพานไม้โบราณ และหอคอยปราสาทที่ยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งมุมที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ ถ่ายรูปไปเต็มที่แล้วก็เข้าไปข้างในกันเลย
ซึ่งที่ “ปราสาทฮิเมจิ” นี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาท่องเที่ยวกันอยู่ไม่น้อย โดยอาจพักที่โอซาก้า จากนั้นก็เดินทางท่องเที่ยว “ฮิเมจิ” และ “โกเบ” แวะทาน “เนื้อโกเบ” แล้วก็เดินทางกลับมาที่โอซาก้า ซึ่งเป็นแผนการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างทางไปปราสาทฮิเมจิเราได้เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มนี้ที่เคยมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันครั้งที่ 5 แล้ว และก็บอกเราด้วยว่าไม่ควรพลาด “ปราสาทฮิเมจิ” เลยจริงๆ ค่ะ ICHIGO-CHAN ตื่นเต้นแล้ว เรารีบไปข้างในกันเลยค่ะ♪
เมื่อข้ามสะพานไม้มา และผ่านเข้าประตูมาแล้ว ก็จะเจอลานกว้างอยู่ จุดนี้จะเป็นจุดที่สามารถชมวิวหอคอยปราสาทที่อยู่บนกำแพงหินสูงได้ทั้งหมดเลยทีเดียว โดยหอคอยปราสาทฮิเมจินี้จะตั้งอยู่บนภูเขาฮิเมะยามะสูง 46 เมตร ที่ถูกปกคลุมไปด้วยกำแพงหินอยู่ตอนนี้ เมื่อรวมส่วนกำแพงหิน และหอคอยปราสาทแล้วมีความสูงถึง 92 เมตรเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าสิ่งก่อสร้างที่สูงขนาดนี้จะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 400 ปีมาแล้ว น่าทึ่งจริงๆ เลยค่ะ
เมื่อชมวิวด้านนอกหอคอยปราสาทแล้ว ต่อไปเราเข้าไปด้านในหอคอยปราสาทกันเลยค่ะ
โดยก่อนอื่นเราจะต้องไปซื้อตั๋วเข้าชมกันก่อนเลย ราคาตั๋วเข้าชมปราสาทปกติแล้ว จะอยู่ที่ 1000 เยน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มี「KANSAI ONE PASS」หากแสดงบัตรนี้ตอนซื้อตั๋วก็จะได้รับส่วนลด 200 เยนเลยค่ะ ซึ่งหากต้องการใช้ส่วนลดในส่วนนี้จะต้องซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วนะคะ เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วจะอยู่ทางด้านซ้ายมือทางเข้าปราสาทเลยค่ะ
นอกจากนี้ ที่นี้ยังมีกิจกรรม「English guided tour」จำนวน 2 รอบในเวลา 10:00 น. และ 13:00 น. เป็นต้นไป อีกด้วย เพียงจ่ายเพิ่มอีก 1000 เยนก็สามารถเที่ยวชมหอคอยปราสาทไปพร้อมๆ กับไกด์มือโปร ที่จะแนะนำจุดต่างๆ ให้เราเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย โดยจะใช้เวลาในการนำเที่ยว 1 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ กิจกรรมนี้จะเปิดให้เข้าร่วมตั้งแต่ก่อนเริ่ม 15 นาที ที่บริเวณหน้าทางเข้าปราสาทเลยค่ะ
ปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น “ปราสาทฮิเมจิ” แห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่ต่างจากที่อื่นๆ ลิบลับเลยค่ะ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า “ปราสาทโอซาก้า” หรือ “ปราสาทนาโกย่า” อีกด้วย
ที่บริเวณทางเข้าจะมีแผนที่แจกอยู่ ดูแผนที่เดินเที่ยวไปด้วยจะไม่หลงกันนะคะ
เมื่อเดินเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่จะเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือคูน้ำขนาดใหญ่ที่ “บ่อน้ำมิคุนิ”「MIKUNI POND(三国堀)」และที่อยู่ถัดจากคูน้ำก็คือกำแพง และกำแพงหิน ส่วนที่อยู่บนสุดอยู่ไกลๆ ก็คือหอคอยปราสาท ซึ่งจะเป็นจุดที่สามารถถ่ายรูปปราสาทแบบปราศจากสิ่งรบกวน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
และในวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส เพื่อนๆ ก็จะได้เห็นหอคอยปราสาทฮิเมจิที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำในคูน้ำมิคุนิให้ได้ถ่ายรูปกันอยู่หลายๆ จุดเลยค่ะ
ในครั้งต่อไป เราจะพาเพื่อนๆ เดินเที่ยวชมภายใน “ปราสาทฮิเมจิ” กันให้เต็มที่เลยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า♪
【ตารางการเดินทาง Day1-2 Lunch at SHINSHUYA/HIMEJI CASTLE】