Day1-1 เริ่มทริป! เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เข้าสู่ตัวเมือง “นาโกย่า”

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-1 เริ่มทริป! เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เข้าสู่ตัวเมือง “นาโกย่า”

NAGOYA-TAKAYAMA-SHIRAKAWAGO-KANAZAWA-KYOTO-OSAKA

อีกไม่นานก็จะหมดปีนี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีที่เริ่มจาก หิมะในช่วงฤดูหนาว ซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มในช่วงฤดูร้อน และกำลังจะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงก็คือ “ใบไม้เปลี่ยนสี” ใบไม้เปลี่ยนสีที่สามารถชมได้บริเวณเกาะฮอกไกโดในช่วงเดือนตุลาคม จะเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนสีลงไปทางใต้เรื่อยๆ และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงช่วงกลางเดือนจะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง “ฮิดะทาคายาม่า” และ “ชิราคาวาโกะ” จากนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ก็จะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองแถบบริเวณฝั่งทะเลแปซิฟิกอย่างโตเกียว โอซาก้า และนาโกย่า

ในทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น” โดยแบ่งออกเป็น 16 ตอน เพื่อท่องเที่ยว “นาโกย่า”-“ฮิดทาคายาม่า”-“ชิราคาวาโกะ”-“คานาซาว่า”-“เกียวโต”-“โอซาก้า” เป็นเวลา 5 วัน 3 คืน

โดยครั้งนี้เราจะเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นจาก “นาโกย่า” จากนั้นมุ่งหน้าไปท่องเที่ยว “ฮิดะทาคายาม่า”-“ชิราคาวาโกะ”-“คานาซาว่า” จากนั้นไปยัง “เกียวโต” และ “โอซาก้า” เพราะฉะนั้นสพาสที่จะเหมาะสมกับเส้นทางนี้ก็คือพาสที่จำหน่ายโดย JR TOKAI และ JR WEST กับพาสสุดคุ้ม『Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass』

ที่สามารถใช้นั่ง รถไฟ และรถบัสส่วนหนึ่ง สุดคุ้มได้ไม่อั้นเป็นเวลา 5 วัน ราคา 14,000 เยน (เด็ก 7,000 เยน)

เพียงมีพาส「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」นี้ ก็สามารถใช้ท่องเที่ยว “นาโกย่า”「NOGOYA(名古屋)」ที่มี “ปราสาทนาโกย่า” หรือ เป็นสถานที่จัดงาน World Cosplay Summit, “เกโระ”「GERO(下呂)」เมืองแห่งออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน, “ฮิดะ ทาคายาม่า”「HIDA TAKAYAMA(飛騨高山)」, “ฮิดะฟูรุคาวะ”「HIDA FURUKAWA(飛騨古川)」เมืองต้นแบบของภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง “คิมิโนะนาวะ(君の名は)” หรือ “ชิราคาวาโกะ”「SHIRAKAWAKO(白川郷)」เมืองแห่งมรดกโลกที่สามารถชมบ้านโบราณทรงกัชโชสึกุริ ที่อยู่ในพื้นที่ภูมิภาคชูบุ นอกจากนนี้ยังสามารถท่องเที่ยว “คานาซาว่า”「KANAZAWA(金沢)」หรือ “ฟูกุอิ”「FUKUI(福井)」ที่อยู่ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น เท่านั้นไม่พอยังสามารถท่องเที่ยวในแถบคันไซอย่าง “เกียวโต” หรือ “โอซาก้า” ได้อีกด้วย ซึ่งการใช้พาสในการท่องเที่ยวนี้นอกจากจะได้ท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาในการซื้อตั๋วรถไฟแต่ละครั้งในการเดินทางอีกด้วย

ซึ่งในพื้นที่นี้สามารถใช้นั่งรถไฟสายทั่วไปได้ไม่อั้น นอกจากนี้ยังสามาถนั่งรถไฟแบบ Reserved Seat ได้ทั้งหมด 4 ครั้ง(ยกเว้นรถไฟด่วนพิเศษฮารุกะ HARUKA ในช่วงเส้นทางระหว่าง “เกียวโต” และ “สนามบินคันไซ”) โดยสามารถใช้นั่งรถไฟด่วนพิเศษอย่างเช่น「WIDE VIEW HIDA」ที่เชื่อมระหว่าง นาโกย่า ทาคายาม่า และ โทยาม่า, 「THUNDERBIRD」ที่เชื่อมระหว่าง คานาซาว่า และ โอซาก้า หรือ 「HARUKA」ที่เชื่อมระหว่าง เกียวโต ชินโอซาก้า และ ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ นอกจากนี้ยังสามารถใช้นั่งรถไฟแบบด่วน New Rapid ในช่วงเส้นทาง “โอซาก้า” และ “เกียวโต” ได้อีกด้วย

โดยราคาพาสนี้จะอยู่ที่ 14,000 เยน

WIDE VIEW HIDA:ช่วงเส้นทางระหว่าง นาโกย่า – ทาคายาม่า 6,030 เยน

THUNDERBIRD:ช่วงเส้นทางระหว่าง คานาซาว่า – เกียวโต 6,900 เยน

HARUKA:ช่วงเส้นทางระหว่าง เกียวโต – ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ 2,850 เยน

(ในกรณีที่ใช้ HARUKA ที่นั่งแบบ Non-Reserved Seat นอกนั้นเป็น ราคาที่นั่งแบบ Reserved Seat)

รวม:15,780 เยน

15,780-14,000=ซึ่งถือว่าคุ้มไป 1,780 เยน

แค่ใช้นั่งรถไฟเพียงเท่านี้ก็คุ้มเกินราคาแล้ว แต่เท่านั้นไม่พอ…..

นอกจากเส้นทางรถไฟที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็สามารถใช้นั่งรถบัส “โนฮิบัส Nohi Bus” “Hokutetsu Bus” หรือ “Kaetsunou Bus” ในเส้นทาง “ทาคายาม่า-ชิราคาวาโกะ” “ชิราคาวาโกะ-คานาวาว่า” “ชิราคาวาโกะ-โกคายามะ-ชินทาคาโอกะ” นอกจากนี้ยังสามารถใช้นั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นในช่วงระหว่างเส้นทาง “โทยาม่า-คานาซาว่า” ได้ไม่อั้นเช่นกัน

ความคุ้มค่าก็จะขึ้นอยู่กับวิธีการเดินทาง และเส้นทางในการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเส้นทางที่ได้รับความนิยมอย่าง

ช่วงเส้นทางระหว่าง ทาคายาม่า -ชิราคาวาโกะ:2,470 เยน

ช่วงเส้นทางระหว่าง ชิราคาวาโกะ-คานาซาว่า:1,850 เยน

ก็สามารถนั่งได้คุ้มเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 6,100 เยนเลยทีเดียวกับพาส「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」เป็นไอเท็มที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ

ซึ่ง「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」นี้สามารถซื้อได้ล่วงหน้าจากบริษัทท่องเที่ยวในประเทศไทยต่างๆ ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือสามารถซื้อได้ในประเทศญี่ปุ่นโดยตรง จะสามารถใช้ได้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่มีวีซ่า หรือมีวีซ่าท่องเที่ยวเท่านั้น

สามารถซื้อ และแลกรับพาสได้ที่ สถานีรถไฟของ JR TOKAI หรือสำนักงานของ JR TOKAI TOUR และสถานีรถไฟ JR WEST บางแห่ง นอกจากนี้ยังมี CENTRAL JAPAN TRAVEL CENTER ภายในท่าอากาศยานนานาชาติชูบุ ฯลฯ ตามรายชื่อดังนี้คลิ๊กเลย!『Exchange and sales places』

เดิมทีเส้นทางบินระหว่าง กรุงเทพ-ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์(นาโกย่า) จะมีเพียงเที่ยวบินของสายการบินไทย และสายการบินญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม AirAsiaX ได้มีการเปิดเส้นทางใหม่ อีก 1 รอบไปกลับ ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึง “นาโกย่า” “ทาคายาม่า” หรือ “ชิราคาวาโกะ” ได้ง่ายมากขึ้น

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปีพ.ศ.2562 สายการบิน “ไทยไลอ้อนแอร์” จะมีการเพิ่มรอบบินอาทิตย์ละ 5 เที่ยวบิน ซึ่งทั้งสองสายการบินจะมีการเพิ่มรอบทั้งที่ ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ คันไซ และชูบุเซ็นแทร์ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ จะได้มีโอกาสในการท่องเที่ยวไม่เฉพาะภูมิภาคชูบุมากขึ้น แต่ยังสามารถท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคชูบุกับ เกียวโต โอซาก้า หรือโตเกียวได้มากขึ้นอีกด้วย

โดยทริปในครั้งนี้จะเป็นการเดินทางด้วยเส้นทางเปิดใหม่ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ของสายการบิน AirAsiaX ในเส้นทาง ดอนเมือง-นาโกย่า ซึ่ง AirAsiaX ได้มีเส้นทางการบินที่สนามบินนาริตะ สนามบินคันไซ และเพิ่มสนามบินชูบุเซ็นแทรร์วันละ 1 รอบไปกลับ

เที่ยวบินไปกลับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมปีพ.ศ.2561 จะอยู่ที่

ออกจาก สนามบินดอนเมือง 6:55・ถึงสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ 14:20

ออกจาก สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ 16:30 ・ถึง สนามบินดอนเมือง 21:10

ซึ่งถือว่าเป็นรอบบินที่ตารางเวลาที่ดีเลยทีเดียว ทำให้เพื่อนๆ ยิ่งสามารถท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ชูบุทั้ง นาโกย่า ฮิดะทาคายาม่า ชิราคาวาโกะ และอิเสะ ได้มากกขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรวมการท่องเที่ยว โตเกียวกับนาโกย่า หรือ โอซาก้ากับนาโกย่าได้อีกด้วย

ครั้งนี้เราจะใช้บริการของสายการบิน AirAsiaX ที่ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เมื่อเทียบกับสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว สนามบินดอนเมืองจะตั้งอยู่ในตำแห่นงที่ใกล้ในตัวเมืองมากกว่า ไฟรท์ที่มุ่งหน้าไปสู่นาโกย่าจะออกเดินทางเวลา 6:55 น. ซึ่งจะต้องทำการเช็คอินก่อนเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งก็คือเวลาตี 5 เป็นช่วงเวลาที่รถไม่ติดสามารถเดินทางจากย่านสีลม หรือสยามได้โดยนั่งแท็กซี่มาเพียง 30 นาทีเท่านั้น

เส้นทางการบินระหว่างประเทศที่สนามบินดอนเมืองจะอยู่ที่เทอร์มินอลที่ 1 ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินของ AirAsiaX ที่มุ่งหน้าไปสู่ญี่ปุ่นจะเช็คอินที่ช่องหมายเลข 4

ในกรณีที่เคาน์เตอร์เช็คอินเต็มไปด้วยลูกค้าที่มาเช็คอิน ก็สามารถทำการเช็คอินได้ที่เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ โดยกดปุ่ม「Check In」จากนั้นทำการสแกนหนังสือเดินทาง โดยใช้เวลาเช็คอินเพียง 30 วินาทีเท่านั้น สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่องก็สามารถทำการเช็คอินได้ที่เครื่องเช็คอินอัตโนมัติก่อน แล้วจึงฝากสัมภาระที่เคาน์เตอร์ช่อง BagDrop อาจจะดูยุ่งยากที่จะต้องดำเนินการถึงสองขั้นตอน แต่เมื่อเทียบกับการต้องต่อแถวรอเช็คอินจากแถวที่ยาวเหยียดแล้ว วิธีนี้เร็วกว่าเยอะเลยค่ะ

เที่ยวบิน AirAsiaX ที่เดินทางกรุงเทพ ไปสู่ญี่ปุ่นนั้นจะเป็นเครื่องบินลำใหญ่ A330 ที่ส่วนใหญ่มีที่นั่งอยู่ทั้งหมด 9 แถวโดยแบ่งออกเป็น 3-3-3 แต่สำหรับเที่ยวบินนาโกย่า และเที่ยวบินไปสู่สนามบินนาริตะบางส่วน จะเป็นเครื่องบินแบบที่นั่ง 8 แถวที่แบ่งออกเป็น 2-4-2 เพราะฉะนั้นจะนั่งได้แบบสบายๆ เลย น่าเสียดายที่ไม่มีจอมอนิเตอร์ หรือปลั๊กไฟให้บริการระหว่างการบิน แต่ก็ถือว่าได้นั่งที่นั่งสบายๆ ในราคาสบายๆ เลยค่ะ

ถึงแม้ว่าอาหารบนเครื่องบินของสายการบิน AirAsiaX จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่เมนูอาหารมีให้เลือกหลากหลายกมากกว่า 20 เมนู ซึ่งครั้งนี้เราได้เลือกเมนูผัดไทย พร้อมน้ำดื่มราคา 180 บาท

『เมนูอาหารภายในเครื่องบินของสายการบิน AirAsiaX』

ในช่วงเวลาลงจอดของเที่ยวบินจากกรุงเทพมายังสนามบินชูบุเซ็นแทรร์นั้นจะมีเที่ยวบินอื่นๆ จากโซนเอเชียลงจอดอย่างคึกคัก เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระแล้วก็ผ่านช่องศุลกากรเลย ซึ่งการจะผ่านศุลากากรที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นจำเป็นจะต้องกรอกเอกสารศุลกากรให้เรียบร้อยครบถ้วนก่อน เช่น ชื่อที่อยู่ที่พักหรือโรงแรม เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ กรอกให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกในการผ่านด่านศุลกากร เมื่อผ่านออกมาแล้ว ก็เดินออกจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็เดินไปตามทางสโลปที่อยู่ขวามือ เพื่อไปขึ้นรถไฟเมเท็ตสึจาก “สถานีรถไฟท่าอากาศยานนานาชาติชูบุ”「Central Japan International Airport Station」เพื่อมุ่งหน้าไปตัวเมืองนาโกย่ากันเลย

โดยสถานที่แรกที่เราจะไปต่อจากนี้ก็คือ “ทาคายาม่า” ซึ่งการเดินทางจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์นั้นจะต้องนั่งรถไฟเมเท็ตสึไปยังนาโกย่าก่อน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปด้วย JR「WIDE VIEW HIDA」หรือ ต่อรถบัสด่วน จากนาโกย่าไปกันค่ะ แต่ก่อนอื่นเราจะนั่งรถไฟเมเท็ตสึจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ เข้าสู่นาโกย่ากันก่อนเลย

ซึ่งที่สนามบินชูบุเซ็นแทรร์จะมีรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ตัวเมืองนาโกย่าอยู่ 3 แบบ คือ 「LIMITED EXPRESS μ SKY」「LIMITED EXPRESS」「SEMI-EXPRESS」โดยแต่ละอย่างจะวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว ซึ่งรถไฟ「LIMITED EXPRESS μ SKY」จะใช้เวลาในการเดินทางไปสถานีนาโกน่า 28 นาที สามารถซื้อตั๋วได้จากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว และเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น)

หากเพื่อนๆ จะต้องซื้อตั๋วครั้งละจำนวนมากๆ แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเลยจะสะดวกที่สุดค่ะ

ราคาตั๋วไปนาโกย่าจะอยู่ที่ 870 เยน ซึ่งในกรณีของ LIMITED EXPRESS μ SKY นั้นจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 360 เยนเป็นค่าตั๋วขึ้นรถและสำหรับเลือกที่นั่งค่ะ

LIMITED EXPRESS μ SKY นั้นจะต้องผ่านช่องตรวจตั๋วที่สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ไป และไปทางขวามือ เพื่อขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 1

รถไฟด่วนพิเศษของญี่ปุ่น รวมถึง μ SKY นั้นส่วนใหญ่สามารถหมุนที่นั่งได้ค่ะ คือสามารถหันเก้าอี้ให้หันหน้าเข้าหากันเป็น 4 คนได้ค่ะ แต่ละคันก็จะมีวิธีหมุนเก้าอี้ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนรถไฟคันนี้สามารถหมุนได้โดย การจับส่วนที่อยู่ในวงกลมสีเหลืองตามรูป จากนั้นก็ดันหมุนเก้าอี้ได้เลยค่ะ

ซึ่งในบางกรณีที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ด้านหน้าเอนเบาะที่นั่งจะทำให้ไม่สามารถหมุนได้ เพราะฉะนั้นเราอาจจะรบกวนให้คนด้านหน้าช่วยปรับพนักเก้าอี้ให้ได้โดยพูดว่า

「SUIMASEN SUKOSHINO AIDA DAKE ZASEKI NO SEWO MODOSHITE MORATTE

IIDESUKA??」

「ซูมิมาเซ็น ซูโคชิโนะไอดะ ดาเคะ ซาเซกิ โนะ เสะโอะ โมโดชิเตะ โมรัตเตะ อี้เดสก้ะ??」

(ขอโทษนะคะรบกวนปรับพนักเก้าอี้สักครู่ได้ไหมคะ??)

นั่งรถไฟ μ SKY จากนาโกย่ามาเป็นเวลา 28 นาที เพื่อมาสู่สถานีนาโกย่า รถไฟที่เรานั่งมาคันสีน้ำเงิน ขาว และเงินนี้ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าจะใช้วิ่งมานานเกือบ 15 ปีมาแล้ว เมื่อถึงสถานีนาโกย่าแล้ว เราจะไปซื้อไอเท็มคู่ใจในทริปนี้กับ「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」ที่เคานเตอร์จำหน่ายตั๋วสถานี JR นาโกย่ากันเลย

ชานชาลาสถานีรถไฟเมเท็ตสึนาโกย่า จะอยู่ห่างจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟ JR สถานีนาโกย่าเพียงใช้เวลาเดินเท้า 5 นาทีเท่านั้น เมื่อลงรถไฟที่มาจากสถานีท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์แล้ว ก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ภายในชานชาลา เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆ และผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วที่อยู่ตรงหน้าไป จากนั้นก็เดินไปทางขวามือ และขึ้นบันไดไปก็จะเจอประตูทางออก Hirokoji Side สถานี JR นาโกย่า อยู่ตรงหน้า เข้าไปอาคารสถานีจากประตูนี้เลย เมื่อเข้าไปแล้วก็เดินไปทางด้านขวามือ

เมื่อเข้ามาสู่สถานีแล้วก็เดินไปทางขวามือ และเดินไปตรงตามทางยาวเรื่อยๆ ประมาณ 2 นาที จะออกมาสู่ลานกว้าง ให้เดินไปทางซ้ายเพื่อไปที่ลานสถานีนาโกย่า จนออกมาสู่ลานจุดนัดพบสถานีนาโกย่า ให้เดินไปอีกนิดก็จะเจอเคาน์เตอร์「SHINKANSEN AND JR LINE TICKETS」อยู่ทางขวามือ เข้าไปซื้อ「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」กันเลยค่ะ  

หากเพื่อนๆ ซื้อบัตรจากประเทศไทยมาก่อนแล้วก็สามารถนำคูปองแลกรับ(MCO)พร้อมแสดงพาสปอร์ตให้ที่เคานเตอร์เพื่อรับพาสนี้ได้เลย

ส่วนเพื่อนๆ ที่ต้องการซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ในญี่ปุ่นก็สามารถแจ้งพนักงานได้ว่า

「TAKAYAMA HOKURIKU AREA PASS WO(จำนวนคน)MAI ONEGAISHIMASU」

「TAKAYAMA HOKURIKU AREA PASS โอะ(จำนวนคน)มัย โอเนไกชิมัส」

(แปลว่า ขอซื้อ TAKAYAMA HOKURIKU AREA PASS(จำนวนคน)ใบ ครับ/ค่ะ)พร้อมแสดงพาสปอร์ตให้กับพนักงานเท่านั้น สามารถชำระเงินได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต

เมื่อซื้อ「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」แล้วก็ผ่านช่องตรวจตั๋วเข้าไปชานชาลารถไฟด่วนพิเศษ「WIDE VIEW HIDA」ที่มุ่งหน้าไปสู่ทาคายาม่าเลย โดยสามารถผ่านเข้าช่องตรวจตั๋ว Central-North Entrance ที่อยู่ริมสุด จากช่องที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการ จากนั้นก็เดินไปทางขวามือเพื่อขึ้นบันไดไปที่ชานชาลาหมายเลข 10/11 โดยปกติแล้วรถไฟด่วนพิเศษ「WIDE VIEW HIDA」ที่มุ่งหน้าไปสู่โทยาม่า・ทาคายาม่า จะออกตัวจากชานชาลาหมายเลข 11 ค่ะ

ถึงแม้ว่าด้านในชานชาลาของ「WIDE VIEW HIDA」จะมีตู้กดน้ำอัตโนมัติอยู่ แต่ภายในรถไฟจะไม่จำหน่ายอาหาร เพราะฉะนั้นซื้อ「EKIBEN」อ่านว่า “เอกิเบ็น” ข้าวกล่องสถานีจากร้านค้าภายในชานชาลาและเครื่องดื่มจากร้านสะดวกซื้อเอาไว้ทานอาหารภายในรถไฟก็เป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลินของทริปนะคะ

ซึ่งตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ โดยทั่วไปของญี่ปุ่นจะ “ข้าวกล่องสถานี”「EKIBEN」อ่านว่า “เอกิเบ็น” ที่ขึ้นชื่อของแต่ละพื้นที่จำหน่ายอยู่ ซึ่งข้าวกล่องขึ้นชื่อของนาโกย่าที่เรากำลังจะขึ้นรถไฟ WIDE VIEW HIDA ก็คือ “ฮิสึมาบุชิ เบ็นโตะ”「HITSUMABUSHI BENTO」(1600 เยน)หรือ ข้าวกล่องจากเนื้อมาสึซากะ “มาสึซากะกิวยากินิคุเบ็นโตะ”「MATSUZAKAGYU YAKINIKU BENTO」(1300 เยน)แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลย

ครั้งนี้เราจะนั่ง「WIDE VIEW HIDA 15」รอบเวลา 16:48 น. โดยเราจะมุ่งหน้าไปทาคายาม่าเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 35 นาที ซึ่งรถไฟที่เราจะนั่งไปนี้จะเป็นรถไฟที่สามารถชมวิวระหว่างการเดินทางได้จากหน้าต่างบานใหญ่เหมือนชื่อรถไฟ「WIDE VIEW」เลยค่ะ

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ นั่ง「WIDE VIEW HIDA」ไปยังทาคายาม่า และทาน “เนื้อฮิดะ” ที่เป็นของขึ้นชื่อของทาคายาม่ากันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-1 Bangkok(DMK)Airport/Chubu Centrair International Airport】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass”

Sponsored by JR TOKAI

        Go to the top Page        

  NEXT ▶