ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-3 ทานเนื้อชั้นดี “โอมิกิว OMIGYU” ที่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น “วะเด็น”「WADEN」ในเมืองริมน้ำ “โอมิฮาจิมัง”「OMIHACHIMAN」
FUKUI-SHIGA-KYOTO-OSAKA
จากความเดินตอนที่แล้วที่ ICHIGO-CHAN ได้ชมความสวยงามของปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี พร้อมชมความน่ารักของมาสคอตประจำจังหวัดฮิโคเนะกับ “ฮิโคะเนียน”「HIKONYAN」กันไปแล้ว
สถานที่ต่อไปก็คือ เมืองริมน้ำ “โอมิฮาจิมัง” 「OMIHACHIMAN」ในเมืองแห่งการค้าขายแห่งนี้ได้มีการขุดคูน้ำทั่วเมืองเพื่อใช้ในการเดินเรือเพื่อเดินทางไปสู่ทะเลสาบบิวาโกะ หรือ เกียวโต ซึ่งคูน้ำเหล่านั้นก็ยังคงถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือชม “โอมิฮาจิมัง” ทั้งบรรยากาศภายในเมือง และธรรมชาติโดยรอบในคอร์สสั้น ที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปนั่งเรือชมเมืองริมน้ำ “โอมิฮาจิมัง” กันค่ะ
ตอนนี้ ICHIGO-CHAN ก็ได้เดินจากปราสาทฮิโคเนะมาจนถึง สถานีฮิโคเนะแล้ว จุดหมายต่อไปของเราก็คือ “โอมิฮาจิมัง” โดยนั่งรถไฟ JR สาย BIWAKO LINE รถไฟแบบด่วน (ใหม่)ก่อนอื่นจะต้องเดินเข้าไปในสถานี ขึ้นไปที่ 2F ของสถานีฮิโคเนะเพื่อขึ้นไปสู่ลานจุดนัดพบภายในสถานี ขึ้นบันไดหรือลิฟต์มาที่ชั้น 2F เดินไปตามทางมาจนถึงจุดที่มีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วและจะมีตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติอยู่ด้านซ้ายมือ หากต้องการชำระเงินด้วยเงินสดก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลย แต่สำหรับใครที่ต้องการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตก็ต้องไปซื้อตั๋วจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเท่านั้นค่ะ
วิธีซื้อตั๋วจากเครื่องจำหน่ายตั๋วก็ไม่ยากเลยค่ะ ก่อนอื่นก็ต้องเช็คราคาตั๋วจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก่อน(ราคาตั๋วไปสถานี โอมิฮาจิมัง)จากนั้นก็กดคำว่า「Tickets」บนหน้าจอ ราคาตั๋วไปสถานี โอมิฮาจิมัง จะอยู่ที่ 410 เยน เฉพาะฉะนั้นกดไปที่ปุ่ม 410 บนหน้าจอ จากนั้นก็ใส่เงินเข้าไปในเครื่อง เท่านี้ก็เรียบร้อย ในกรณีที่ต้องการซื้อครั้งละหลายใบ หรือต้องการซื้อตั๋วของเด็ก ก็สามารถกดเลือกได้ตามปุ่มที่อยู่ด้านข้างหน้าจอฝั่งซ้ายมือ ที่อยู่ในกรอบทึบสีดำ สามารถซื้อได้พร้อมกันมากที่สุดที่ ผู้ใหญ่ 2 คน+เด็ก 2 คน
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เดินผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วอัติโนมัติที่อยู่ด้านขวามือเครื่องจำหน่ายตั๋ว และลงบันไดที่อยู่ด้านซ้ายมือ เพื่อไปที่ชานชาลาหมายเลข 2 รถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ สถานีโอมิฮาจิมัง จะวิ่งชั่วโมงละ รถไฟแบบด่วน (ใหม่) 2 เที่ยว ธรรมดา 2 เที่ยว รวมกันเป็น 4 เที่ยว หากนั่งแบบ รถไฟแบบด่วน (ใหม่) ก็จะใช้เวลาเพียง 14 นาทีโดยนั่งไป 2 สถานีเท่านั้น
รถไฟจะเป็นแบบเดียวกับที่นั่งจากไมบาระมาสู่ฮิโคเนะ คือเป็นที่นั่งแบบ Cross Seat โดยส่วนใหญ่และ ช่วงระหว่างฮิโกเนะไปโอมิฮาจิมังจะไม่ค่อยมีคนใช้บริการมากเท่าไหร่นักจึงสามารถนั่งได้แบบสบายๆ วิวทั้งสองฝั่งข้างทางก็จะเป็นวิวทุ่งนา การเกษตร เขียวชอุ่มสลับกับบ้านคน ในสถานที่ที่มีแต่ธรรมชาติและดูเป็นชนบทแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสถานที่นี้จะอยู่ห่างจากเกียวโตเพียง 40-50 นาที และห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
นั่งจากสถานีฮิโคเนะมาประมาณ 14 นาที แปปเดียวเราก็เดินทางมาถึงสถานีโอมิฮาจิมังแล้วค่ะ เมื่อถึงสถานีแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ภายในชานชาลาเมื่อขึ้นมาสู่ชั้นเครื่องตรวจตั๋ว จากนั้นเราจะนั่งบัสจากสถานีโอมิฮาจิมัง มุ่งหน้าไปสู่บริเวณเมืองริมน้ำอันเก่าแก่ “โอสุกิ มาจิ ฮาจิมังยามะ”『OSUGI-MACHI HACHIMANYAMA』 กันค่ะ โดยเดินออกจากช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ และเดินลงบันไดทางซ้ายมือไปก็จะเจอจุดขึ้นรถบัสเลย
ออกจากช่องตรวจตั๋วไปทางซ้าย และตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางที่มีบันไดลงไปทั้งซ้ายและขวา ให้ลงบันไดทางซ้ายไปที่ป้ายบัสเลย
บัสที่มุ่งหน้าไป “โอสุกิ มาจิ ฮาจิมังยามะ” จะต้องลงบันไดมาและเดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 6 บัสจะวิ่งชั่วโมงละ 2 – 3 เที่ยว เวลารถบัสก็ตามตารางเวลาเลยก็คือช่วง 10 โมงถึง 15 โมงจะวิ่งนาทีที่ 15 และ 45 นาที
บัสนี้จะเหมือนรถเมย์ประจำทางติดแอร์(เมย์ส้ม)ที่วิ่งในกรุงเทพ ที่มีประตูอยู่ด้านหน้าและตรงกลาง วิธีขึ้นรถบัสของญี่ปุ่นก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ในพื้นที่นี้รถบัสจะเป็นแบบ「ขึ้นด้านหลัง・ลงด้านหน้า」การจ่ายค่าบริการก็จะเป็นการจ่ายก่อนลง โดยเวลาขึ้นรถบัสก็จะต้องหยิบตั๋วรถจากเครื่องที่อยู่ข้างประตูทางเข้าที่เขียนเอาไว้ว่า 「整理券」ก่อน แปลวว่า “ตั๋วรถบัส”และเมื่อต้องการลงรถก็สามารถเช็คราคาได้จากบอร์ดแสดงราคาที่อยู่ด้านบนซ้ายข้างคนขับในช่องตามตัวเลขในตั๋วบัสที่หยิบมาตอนขึ้นรถ เตรียมเงินตามจำนวน และใส่เงินที่กล่องใส่เงินข้างคนขับที่อยู่ในวงกลมสีเหลืองในกรณีที่มีเงินครบตามจำนวนค่าบริการ แต่สำหรับใครที่มีเหรียญไม่ครบตามจำนวนก็สามารถแลกเงินได้ที่ช่องที่อยู่ในวงกลมสีส้มเลย
นั่งรถบัสจากสถานีโอมิฮาจิมังไปประมาณ 6 นาที แปปเดียวเท่านั้นก็ถึงป้ายบัส “โอสุกิ มาจิ ฮาจิมังยามะ”「OSUGI-MACHI HACHIMANYAMA」เลย จากนั้นก็ลงจากบัสที่มีรูปสิงโตอยู่หน้ารถ เพื่อเดินไปทานอาหารกลางวันเป็น “เนื้อโอมิ”「OMIGYU」ที่ร้าน “วะเด็น”「WADEN」
ร้าน “วะเด็น”「WADEN」 จะอยู่ห่างจากป้ายบัสโดยเดินไปประมาณ 2 นาทีเท่านั้นค่ะ ระหว่างทางเราจะได้ชมบรรยากาศบ้านเรือนแบบญี่ปุ่น และชมวิวคลอง “ฮาจิมุงโบริ” โดยลงจากบัสไปตามทาง จนเจอโทริอิขนาดใหญ่ และเลี้ยวขวาไปเลยค่ะ ที่มุมทางเข้าโทริอิจะมีทั้งป้ายเด็กผู้ชาย(ภาพขวาล่าง)ที่เขียนเอาไว้ว่า「飛び出し坊や」แปลว่า “เด็กวิ่งพุ่งออกมา” เพื่อป้องกันคนขับบนท้องถนนให้ขับขี่อย่างระมัดระวังและปลอดภัย สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในที่ต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลย ซึ่งต้นแบบของ “ป้ายเด็กผู้ชาย” นี้มาจากเมืองข้างๆ โอมิฮาจิมังที่ชื่อว่า “ฮิกาชิโอมิ” ดังนั้นทำให้บริเวณนี้มีป้าย “เด็กวิ่งพุ่งออกมา” ในแบบต่างๆ ทั่วทั้งเมืองเลยค่ะ ด้วยความหลากหลายนี้เองทำให้มีของฝากเป็นพวกกุญแจ หรือตุ๊กตาวางจำหน่ายอยู่ด้วยค่ะ
หลังจากที่เลี้ยวขวา ผ่านป้ายเด็กผู้ชายและโทริอิขนาดใหญ่มาแล้ว ที่อยู่ตรงหน้าก็คือสะพานเมจิ「MEIJI BASHI」จากสะพานเมจิ นี้เราจะได้ชมวิวคูน้ำ “ฮาจิมังโบริ” ซึ่งคูน้ำนี้จะมีต้นซากุระอยู่ตลอดทั้งสองฝั่ง เมื่อเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อนก็จะเป็นวิวต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเป็นอุโมงค์ต้นไม้ และที่สำคัญเมื่อเข้าช่วงซากุระ ก็สามารถชมวิวซากุระบานสวยงามริมคูน้ำแห่งนี้อีกด้วย
เมื่อชมวิวบรรยากาศโดยรอบคูน้ำ “ฮาจิมุงโบริ” และก็เดินต่อไปอีก เมื่อมาถึงสะพานเมจิแล้วร้าน “วะเด็น”「WADEN」ก็อยู่อีกไม่ไกลแล้วค่ะ เดินข้ามสะพานไปและเลี้ยวขวาไปในซอยเล็กๆ เดินไปจนเจอทางแยกเป็นสองทาง ให้เลือกเดินไปทางขวา และตรงไปซักพักก็จะเจอร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรู “วะเด็น”「WADEN」อยู่ทางด้านขวามือ
เป็นร้านที่สามารถเพลิดเพลินกับเมนู “เนื้อโอมิ” กับร้าน “วะเด็น”「WADEN」ทางเข้าร้านเป็นทางเข้าสไตล์ญี่ปุ่นดูดีและหรูหรา จนหลายคนอาจจจะคิดว่าราคาอาหารจะต้องแพงใช่ไหมคะ ? แต่เราขอบอกเลยว่าร้านนี้ราคาอาหารกลางวันอยู่ที่ 1500-3000 เยนเท่านั้น เมื่อสบายใจแล้วก็เข้าไปในร้านกันเลย
เมื่อผ่านประตูหน้าร้านเข้ามาแล้วก็จะเป็นสวนสวยงามสไตล์ญี่ปุ่น แค่สวนหน้าร้านก็ดูดีแล้ว ได้รูปดีๆ ไปหลายรูปเลยค่ะ ถ่ายรูปชมสวนแล้วก็เข้าไปในร้านกันเลย
ที่นั่งภายในร้านมีมากถึง 66 ที่นั่ง ทั้งแบบนั่งพื้นสไตล์ญี่ปุ่น หรือแบบโต๊ะเก้าอี้ทั่วไป ในเลือกตามความสะดวกเลยค่ะ ซึ่งในแต่ละโต๊ะที่นั่งก็จะมีเครื่องกดปุ่มกลมๆ แบบในรูปวางอยู่ทุกโต๊ะ นี้ก็คือปุ่มกดเรียกพนักงานที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในร้านอาหารที่ญี่ปุ่น สามารถกดเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหารได้โดยไม่ต้องตะโกนเรียกให้เจ็บคอเลยค่ะ
เมนูภายในร้านก็จะเป็นเมนู “เนื้อโอมิ” ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “ชุดสุกียากี้เนื้อโอมิ” OMIGYU SUKIYAKI GOZEN(2700 เยน), “ชุดชาบูชาบูเนื้อโอมิ” OMIGYU SHABUSHABU GOZEN(2700 เยน), “ข้าวหน้าสุกียากี้เนื้อโอมิ” OMIGYU SUKIYAKIDON(1600 เยน) หรือ “อุดงเนื้อโอมิ” OMIGYU NO NIKU UDON(1200 เยน)ซึ่งไหนๆ ก็มาที่ที่เป็นแหล่งของเนื้อชั้นดี “เนื้อโอมิ” แล้วทานแบบจัดเต็มนิดนึงเป็น “ชุดชาบูชาบูเนื้อโอมิ” ก็ยังคุ้มเลยค่ะ ถึงจะบอกว่ามื้อหรูแต่ราคาที่แพงที่สุดก็ยังอยู่ที่ 2700 เยน ≒ 800 บาท ได้ทานเนื้อชั้นดี เนื้อโอมิ ในราคาไม่ถึง 1000 บาทถือว่าคุ้มเลยนะคะ
นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูที่ผสมผสานระหว่าง “แกงกะหรี่อุดง” กับ “เนื้อโอมิ” เข้าไว้ด้วยกันกับเมนู “แกงกะหรี่อุดงเนื้อโอมิ” OMIGYU CURRY UDON(1350 เยน)เฉพาะช่วงเท่านั้นด้วยค่ะ นอกจาก “เนื้อโอมิ” และเรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับ วัตถุดิบขึ้นชื่อของพื้นที่อื่นๆ อย่างเช่น “บุกสีแดง” เรียกว่า “AKA KONNYAKU” อ่านว่า “อากะคอนเนียะคุ” หรือ “โจจิฟุ” CHOUJIFU (丁字麩)(ทำจากแป้งสาสี เมื่อโดนน้ำแล้วจะนิ่มๆ) ที่เป็นอีกหนึ่งเมนูอัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดชิงะเลยค่ะ
เมนู “ข้าวหน้าสุกียากี้เนื้อโอมิ OMIGYU SUKIYAKIDON”(1600 เยน)ของ ICHIGO-CHAN มาเสิร์ฟแล้วค่ะ อลังการน่าทานมากๆ เมนูสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น “เนื้อโอมิ” ทานพร้อมกับไข่ในหนึ่งเมนู
「สุกี้」ที่เราทานกันอยู่ทั่วไปก็คือเมนูที่มาจาก “สุกียากี้” ของญี่ปุ่นนั่นเอง รสชาติก็ไม่ต้องพูดถึงเลยอร่อยถูกปากแน่นอน ส่วนผสมทั้ง เนื้อโอมิแบบอัดแน่น เต้าหู้ ต้นหอม สาหร่าย และข้าวร้อนๆ เมื่อมารวมกันแล้วรสชาติเข้ากันมากๆ เลยค่ะ จะทานโดยตรงเลย หรือตีไข่ดิบราดลงบนสุกียากี้ก็อร่อยไปอีกแบบเลยนะคะ
ICHIGO-CHAN ได้ทานวัตถุดิบขึ้นชื่อของชิงะ “เนื้อโอมิ” ไปแบบเต็มอิ่มในราคาไม่เกิน 500 บาท พนักงานก็ให้บริการอย่างดีจองเรือเที่ยวชมคูน้ำฮาจิมังโบริ「HACHIMAN BORI MEGURI」ให้เราด้วยค่ะ
ด้านหลังร้านก็คือบริเวณคูน้ำฮาจิมังโบริเลยค่ะ ด้วยบรรยากาศที่สงบท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวชอุ่ม บ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น และท้องฟ้าสดใสเมื่อมารวมกันแล้ว เหมือนได้อยู่ในภาพวาดแบบญี่ปุ่นเลยค่ะ สวยมากๆ
ซึ่งเรือเที่ยวชมคูน้ำฮาจิมังโบริจะอยู่หลังร้าน “วะเด็น”「WADEN」 ที่เราเพิ่งทานอาหารกลางวันเป็น “เนื้อโอมิ” ไปเมื่อซักครู่ค่ะ นอกจากร้าน “วะเด็น”「WADEN」แล้วก็ยังมีร้านอื่นๆ ที่ให้บริการเรือนำเที่ยวภายในคูน้ำฮาจิมังโบริอยู่เช่นกันค่ะ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารแสนอร่อยและนั่งเรือชมบรรยากาศโดยรอบได้พร้อมๆ กันเลยค่ะ
ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ นั่งเรือชมบรรยากาศรอบๆ คูน้ำฮาจิมังโบริ ทั้งธรรมชาติ หรือสิ่งก่อสร้างสไตล์เมืองญี่ปุ่นโบราณกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪
【ตารางการเดินทาง Day3-3 HIKONE STATION/LUNCH AT WADEN】