ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day1-3ชมวิวโอซาก้าจากสถานที่แลนด์มาร์ก “หอคอยโอซาก้า”「TSUTENKAKU」และบริเวณโดยรอบพร้อมการเดินทางไปย่านโดทงโบริ ป้ายกูริโกะ และชินไซบาชิ
OSAKA-KYOTO-OSAKA-AMANOHASHIDATE-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ชมวิวรอบโอซาก้าจาก「ABENO HARUKAS」ตึกที่สูง 300 เมตร และทานอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้าอย่าง “โอโคโนมิยากิ” ที่「SHINSEKAI」แล้ว
พออิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางต่อกันเลย ตอนนี้เรากำลังจะไปที่หอคอยโอซาก้าที่เป็นสัญลักษณ์ของชินเซไคกัน ตอนที่เราชมวิวของหอคอยโอซาก้าจากตึกฮารุคาสุก็จะเห็นว่าหอคอยอยู่ระหว่างตึกไม่ค่อยเด่น แต่พอมองหอคอยจากชินเซไคที่ใกล้มากๆ แล้วก็รู้สึกว่าหอคอยนี้สูงเด่นสมกับเป็นแลนมาร์กของโอซาก้าเลย ซึ่งหอคอยโอซาก้านี้เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของโอซาก้าเหมือนๆ กับปราสาทโอซาก้า โดทงโบริ หรือคูโระมงอิจิบะเช่นเดียวกัน นอกจากการชมวิวและภายในหอคอยก็จะมีทั้ง ลิฟต์ทรงกลมแห่งแรกของโลก หรือ บิริเค็นซัง หรือการจัดแสดงต่างๆ ให้ได้ตื่นตาตื่นใจมากมาย ไหนๆเราก็มาแล้ว เข้าไปดูกันเลยดีกว่า
ครั้งนี้เราจะพาทุกๆ คนไปเที่ยวชมหอคอยโอซาก้า และบริเวณใกล้เคียงกันค่ะ ไปชมกันเล
หลังจากที่เราได้ทานอาหารกลางวันที่「EBISUYA」แล้วหอคอยโอซาก้า『TSUTENKAKU』ก็อยู่ไม่ไกลจากร้านนี้เลย ออกมาจากร้านไปทางขวามือ เราก็จะเห็นหอคอยโอซาก้าอยู่ตรงหน้าเลย ไม่หลงแน่นอน เมื่อถึงใต้หอคอยแล้วก็จะมี「TSUTENKAKU ENTRANCE」หรือทางเข้าจุดชมวิวหอคอยโอซาก้า อยู่ทางขวามือ โดยจะต้องลงไปที่ชั้นใต้ดินก่อน
เมื่อลงมาชั้นใต้ดินแล้วก็จะเจอกับโซน「TSUTENKAKU WAKUWAKULAND」หรือ สึเท็นคาคุ วากุวากุแลนด์ ที่มีร้านค้าเรียงกันอยู่หลายร้าน แต่ละร้านก็จะเป็นร้านของของกินหรือขนมที่จำหน่ายสินค้าออริจินัลของแบรนด์ตัวเอง และภายในนั้นก็มีร้าน “กูลิโกะ” “โมรินางะ” หรือ “CUPNOODLE” อยู่ แถมยังมีโอกาสได้ถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่อยู่ภายในโซนนี้อีกด้วย
และเลย「TSUTENKAKU WAKUWAKULAND」หรือ สึเท็นคาคุ วากุวากุแลนด์ไปอีกก็คือจุดขายบัตรเข้าชม ปกติแล้วค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 700 เยน แต่สำหรับผู้ที่มีบัตร「Osaka Amazing Pass」ก็สามารถเข้าชมได้ฟรี !
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นลิฟต์ทรงกลมเพื่อขึ้นไป 2F เลย ลิฟต์จากชั้นใต้ดิน 1F ไปชั้น 2F จะเป็นลิฟต์ทรงกลม อันแรกของโลก มองจากข้างนอกก็จะเห็นว่าทางขึ้นลิฟต์จะเป็นเหมือนท่อเชื่อมขึ้นไปข้างบนเลย
เมื่อลงจากลิฟต์แล้วก็จะเป็นทางเดินที่จำลองมากจากรถไฟฮันไค「HANKAI TRAMWAY」ที่วิ่งที่ชินเซไคมาตั้งแต่สมัยก่อน และกาชาปองมากกว่า 100 เครื่องเรียงกันอยู่ และลิฟต์ที่จะขึ้นไปยังชั้น 5F วันที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นวันธรรมดาที่ฝนตก แต่ก็ยังต้องรอลิฟต์กว่า 25 นาทีเลย ถึงแม้ว่าหอคอยโอซาก้านี้จะสูงเพียง 108m เมื่อเทียบกับตึกอาเบะโนะฮารุคัส ที่สูง 300m แล้วแต่แถวที่รออยู่ก็ยาวกว่ามากเลย สมแล้วที่เป็นหอคอยที่อยู่คู่คนโอซาก้ามายาวนาน ระหว่างรอลิฟต์เราก็สามารถนั่งฉากจำลองรถไฟฮันไครอหรือเล่นคาชาปองรอได้เลย
ลิฟต์ที่ใช้ขึ้นจากชั้น 2F มาชั้น 5F เป็นลิฟต์ที่มีความเป็นเรโทร คงบรรยากาศตั้งแต่สมัยที่หอคอยโอซาก้าเปิดให้บริการตั้งแต่ปีพ.ศ.2499 เพดานลิฟต์ก็จะมีรูป “บิริเค็นซัง” เทพแห่งความโชคดีอยู่ด้วย
ที่จุดชมวิวชั้น 5F นี้เราจะสามารถชมวิวโอซาก้าได้จากทุกทิศทางเลย และได้เห็นตึก「ABENO HARUKUS」อยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วย รอบๆ ตึกอาเบะโนะฮารุคัสจะมีแต่ตึกแมนชั่นและตึกบริษัทต่างๆ มากมาย ซึ่งเราจะเห็นว่าตึกอาเบะโนะฮารุคัสมีความสูงกว่าตึกรอบๆ 2 ถึง 3 เท่าเลย
และเราสามารถเห็น “บิริเค็นซัง” ได้ทุกหนทุกแห่งในจุดชมวิวเลย ทั้งรูปปั้นที่นั่งอยู่บนตู้ใส่เงิน หรือรูปปั้นที่คล้ายแผ่นหินหน้าคน「The Mouth of Truth」ที่อิตาลี ที่ไม่มีรูปร่างตายตัว แบบเข้ากับบรรยากาศเมืองชินเซไคเลย
และหลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เพลินเพลินกับการชมวิวโอซาก้าจากหอคอยโอซาก้าแล้วต่อไปเราจะไปกันที่ศาลเจ้าชินเซไคอินาริ「SHINSEKAI INARI JINJA」ใกล้ๆ หอคอยโอซาก้า
ก่อนอื่นก็จะต้องออกจากหอคอยโอซาก้าและไปทางขวามือ 1 บล๊อค ศาลเจ้าจะอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้จะเหมือนกับศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริที่เกียวโต ทำให้ที่ศาลเจ้า「INARI JINJA」แห่งนี้มีเสาแดงๆ อยู่ด้วยเช่นกัน
และจุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ เซียมซีแบบรูเล็ตหิน ตั้งอยู่ด้านขวาของศาลเจ้าหลัก เมื่อหมุนรูเล็ตแล้วตัวเลขที่ได้ก็จะแสดงออกมาจากช่องที่เป็นรู
และที่ด้านข้างรูเล็ตจะมีลอร์ดแสงผลของตัวเลขที่ได้ ซึ่งเนื้อหาที่อยู่บนบอร์ดทั้งหมดจะเป็นภาษาญี่ปุ่น สำหรับใครที่อ่านภาษษญี่ปุ่นไม่ออก อย่างน้อยเราไปดูกันดีกว่าว่าเราจะได้โชคอะไรจากตัวเลขนี้
โดยเรียงตั้งแต่ “大吉” โชคมาก⇒ “吉” มีโชค ⇒ “半吉” มีโชคครึ่งนึง ⇒ “凶” ไม่มีโชค ซึ่งถ้าใครได้ “大吉” โชคมาก หรือ “吉” มีโชค ก็จะถือว่าอยู่ในช่วงผลลัพท์ที่ดี ส่วน “半吉” มีโชคครึ่งนึง ก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง และคนที่ได้ “凶” ไม่มีโชค ก็ถือว่าโชคไม่มีหน่อย แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ถ้าได้ “凶” ไม่มีโชค ก็แค่ไปกราบไหว้ศาลเจ้าหลักเพื่อขอพรให้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาก็ได้ค่ะ (แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน)
หลังจากที่ได้ เสี่ยงเซียมซี และกราบไหว้ศาลเจ้า ที่ศาลเจ้าชินเซไคอินาริ「SHINSEKAI INARI JINJA」เรียบร้อยแล้วต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่สถานที่ยอดนิยมมากที่สุดของโอซาก้าที่โดทงโบริกันค่ะ การเดินทางจากสถานีที่ใกล้ ชินเซไค มากที่สุดที่ สถานีเอบิซุโจ EBISUCHO STATION ไปสถานีที่โดทงโบริมากกว่านัมบะที่ สถานีนิปปนบาชิ NIPPOMBASHI STATION นั้นสามารถนั่งไปด้วยรถไฟใต้ดินสายซาไกซุจิ SAKAISUJI LINE ไปเพียง 1 สถานีเท่านั้น
ก่อนอื่นก็ต้องออกจากศาลเจ้าไปทางซ้ายมือ และจะออกมาสู่ถนนใหญ่ทันที ให้เลี้ยวไปทางขวามือ เดินจากศาลเจ้ามาประมาณ 2 นาทีก็จะเจอกับทางเข้าสถานีเอบิซุโจ เลย
หากใครมีตั๋ว「OSAKA AMAZING PASS」ก็สามารถผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วได้เลย แต่ถ้าใครไม่มีก็สามารถซื้อตั๋วได้ตามปกติเลยค่ะ
เราจะมาแนะนำวิธีการซื้อตั๋วสำหรับคนที่ไม่มีตั๋วพิเศษนะคะ โดยก่อนอื่นจะต้องเช็คราคาตั๋วจากบอร์ดแผนผังที่อยู่ด้านบนเครื่องตรวจตั๋ว และใส่เงินเข้าไปก่อนที่ช่องใส่เงิน จากนั้นกด「Ticket」บนหน้าจอ กดเลือกราคาตั๋ว ซึ่งราคาตั๋วจากสถานีเอบิซุโจไปสถานีที่ใกล้โดทงโบริมากที่สุดที่「NIPPOMBASHI STATION」ราคาจะอยู่ที่ 180 เยน
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปเลย รถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่นิปปนบาชิจะออกจากชานชาลาเบอร์ 2 นั่งไป 1 สถานีใช้เวลาประมาณ 2 นาที ซึ่งรถไฟจะวิ่งทุกๆ 6 นาทีครึ่งเพราะฉะนั้นก็เหมือนนั่ง BTS เลย จากสถานีนิปปนบาชิเดินไปโดทงโบริใช้เวลาเพียง 3 นาที โดยออกจากช่องตรวจตั๋วที่อยู่ด้านซ้ายมือกลางๆ ตัวรถไฟ เมื่อออกมาแล้วก็ไปทางขวามือค่ะ
เดินตรงไปทางขวาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นบนดิน เมื่อขึ้นมาชั้นบนดินแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ และเลี้ยวซ้ายที่แยกที่อยู่ก่อนถึงสะพาน
ถนนเส้นนี้ก็คือ “โดทงโบริ” ถนนเส้นนี้จะไม่สามารถให้รถยนตร์ผ่านได้ตลอดวัน และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย
และทั้งสองฝั่งข้างทางจะมีทั้งร้านปลอดภาษีที่คล้ายกับ Laox และร้านอาหารต่างๆ มากมาย และที่มีเยอะเป็นพิเศษเลยก็คือร้านราเม็งและร้านทาโกยากิ ของกินขึ้นชื่อของโอซาก้า ซึ่งที่นี้ก็จะมีถนนที่เต็มไปด้วยป้ายแปลกๆ ร้านค้าต่างๆ มากมายเรียงรายอยู่บรรยากาศคล้ายๆ กับชินเซไคที่เราไปเมื่อกี้เลย ร้านที่นี้เยอะมากๆ บริเวณนี้ก็จะมีร้านที่มีคนต่อแถวยาวๆ หลายร้านเลยลองเลือกกันดูนะคะ
และเมื่อเดินตามทางโดทงโบริไปเรื่อยๆ เราก็จะออกมาสู่ถนนเซ็นนิจิมาเอะ SENNICHIMAE SUJI อยู่ซ้ายมือ ที่มีสี่แยกไฟแดงที่มีย่านร้านค้าที่มีหลังคาอยู่ ให้เลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ และเราจะเจอกับสะพานทันที สามารถชมวิวถ่ายรูปคู่กับแม่น้ำโดทงโบริได้เลย
บริเวณนี้ก็จะมีทั้ง ร้านดองกี้โฮเตะ หรือ ร้านอิจิรันราเม็ง ICHIRAN RAMEN ฯลฯ อีกมากมาย เดินไปเดินมาก็จะเจอคนไทยตลอดเลย ICHIGO-CHAN เจอชาวโคราชกลุ่มนี้ด้วยเลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซักหน่อยค่ะ
เมื่อข้ามสะพานมาแล้วก็จะเจอบันไดอยู่ซ้ายมือทันที เมื่อลงบันไดไปก็จะคือย่านร้านค้าริมฝั่งแม่น้ำเรียกว่า「TONBORI WALK」หรือ “ทงโบริวอร์ก” เราสามารถเข้าร้าน「อิจิรันราเม็ง ICHIRAN RAMEN」「ดองกี้โฮเตะ」จาก TONBORI WALK หรือ “ทงโบริวอร์ก” ได้ด้วย
เรือชมวิวโดทงโบริ「TONBORI RIVER CRUISE」จะเป็นเรือที่แล่นไปตามสถานที่ยอดนิยมของโดทงโบริ ออกตัวจากหน้าดองกี้โฮเตะที่แล่นรอบละ 20 นาที ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินวิวจากบนเรือเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบของสถานที่ยอดนิยมมากที่สุดในโอซาก้า ทั้งป้ายกูลิโกะ หรือบริเวณใกล้เคียง
นอกจากจะได้ชมวิวรอบๆ โดทงโบริจากบนเรือแล้ว สำหรับใครที่มี「Osaka Amazing Pass」นั้นจะได้ขึ้นเรือชมวิวแบบฟรีๆ ! กับเรือชมวิวโดทงโบริ「TONBORI RIVER CRUISE」ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ถึงจะเป็นวันที่ฝนตกก็มีคนมานั่งจนที่นั่งเต็มเลยล่ะค่ะ
ครั้งต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศการนั่งเรือชมโดทงโบริ「TONBORI RIVER CRUISE」พร้อมเดินชมบริเวณโดยรอบโดทงโบริและชินไซบาชิกันค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day1-3 TSUTENKAKU/INARISHRINE/OSAKA TONBORI CRUISE 】