เมืองโอซาก้านั้นถือเป็น “เมืองแห่งการค้าขาย” ด้วยคำพูดติดปากของโอซาก้าที่มักจะทักทายกันด้วยคำว่า “โมคาริมักก้ะ (ได้กำไรเยอะไหมวันนี้)” และตอบกลับคำทักทายด้วยคำว่า “โบจิโบจิเด็นน่า (ประมาณว่าก็เรื่อยๆ นะ)” ด้วยภาษาโอซาก้า ที่คนต่างถิ่นมักพูดตามหากต้องพูดให้เหมือนคนโอซาก้า
ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีหนึ่งงานเทศกาลประเพณี ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 9-11 มกราคมของทุกปี เป็นเวลา 3 วัน
วันที่ 9 คือ “โยอิเอบิสุ宵戎 (よいえびす)”
วันที่ 10 คือ “โทกะเอบิสุ十日戎 (とおかえびす)”
วันที่ 11 คือ “โนโคริฟุกุ 残り福 (のこりふく)”
ในแต่ละวันก็จะมีชื่อเรียกตามข้างต้น ซึ่งวันเทศกาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นไฮไลท์ก็คือวันที่ 10 คือ “โทกะเอบิสุ” แต่อีกหนึ่งวันที่บรรยากาศคึกคักไม่แพ้กันเลยก็คือ “โนโคริฟุกุ”ในวันที่ 11 ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นแปลตรงตัวได้ว่า “ของที่เหลือจะมีโชคลาภ” ซึ่งคำว่า โนโคริ แปลว่า เหลือ ส่วน ฟุกุ แปลว่า โชคลาภ นั่นเอง
สำหรับปีนี้เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้จะต้องกระจายการเข้าร่วมงานไม่ให้แออัดจนเกินไปจึงยืดระยะเวลาให้ผู้เข้าร่วมกระจายตัว โดยจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9-16 มกราคม วันนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเข้าร่วมงานเทศกาลของ “เอเบ็ซซัง” เทพเจ้าแห่งการค้าขายเจริญรุ่งเรือง ที่คนโอซาก้าให้ความเคารพนับถือ พร้อมพาเพื่อนๆ ไปช้อปปิ้ง และตะลุยกินบริเวณรอบๆ ศาลเจ้ากันเลย
สำหรับการเดินทาง สามารถเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดิน มายัง “สถานีรถไฟเอบิสุโจ (Ebisucho Station)” จากนั้นก็เดินออกจากประตูทางออกหมายเลข 5 และเดินขึ้นบันไดไป เมื่อขึ้นบันไดมาแล้ว ก็จะเจอร้านคามาโบโกะ (ลูกชิ้นปลา) สัญลักษณ์เอบิสุ อยู่ทางด้านขวามือ
ก็จะเห็นหอคอยโอซาก้าอยู่เด่นชัด ให้เดินตรงไปโดยร้านคามาโบโกะ จะอยู่ทางด้านขวามือ เดินตรงเข้าในซอยระหว่างตึกที่มีลูกศรชี้
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ “ศาลเจ้าอิมามิยะเอบิสุ (Imamiya Ebisu Shrine)”
ถึงแม้ว่าในภูมิภาคคันไซจะมีศาลเจ้าที่กราบไหว้เทพเจ้าที่เกี่ยวกับการค้าขายเจริญรุ่งเรืองอยู่หายแห่ง แต่หากพูดถึง “เอเบ็ซซัง (เทพเจ้าแห่งการค้าขายเจริญรุ่งเรือง)” แล้วก็ต้องนึกถึง “ศาลเจ้าอิมามิยะเอบิสุ (Imamiya Ebisu Shrine)” ที่โด่งดังที่สุดในโอซาก้า ในปีนี้ก็มีพ่อค้าแม่ค้า หรือนักธุรกิจทุกแขนงมาเข้าร่วมงานเทศกาลเพื่อขอพรเกี่ยวกับ “การค้าขายเจริญรุ่งเรือง”
การจะเข้าในบริเวณเขตของศาลเจ้า จะต้องโค้งคำนับ 1 ครั้งที่บริเวณทางเข้า และเมื่อออกจากบริเวณศาลเจ้า ก็ต้องหันหน้าไปทางอาคารศาลเจ้าและโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
เมื่อเข้ามาภายในบริเวณศาลเจ้าแล้ว ก็จะเจอกับถังไม้ขนาดใหญ่ดังภาพ ซึ่งภายในถังไม้จะมีสิ่งที่เรียกว่า “ซาซะ (ไม้ไผ่)” อยู่มากมาย สิ่งนั้นก็คือ “ฟุกุซาซะ” เครื่องรางนำโชคที่มีให้บูชาพิเศษเฉพาะภายในงานนี้ ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของที่เป็นมงคลเรียกว่า “โคดาคาระ:子宝(คิจโจ:吉兆) เป็นเครื่องรางเกี่ยวกับการค้าขายโดยเฉพาะ
และผู้คนก็จะนำ ฟุกุซาซะ ของปีที่ผ่านมา มาคืนที่ถังไม้นี้
โดยพ่อค้าแม่ค้า หรือนักธุรกิจ จะบูชาเครื่องรางนำโชค “ฟุกุซาซะ” นี้ไปประดับที่ร้านค้า หรือบริษัทของตนเพื่อให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองตลอดทั้งหนึ่งปี เมื่อครบหนึ่งปีแล้ว จึงจำเป็นต้องนำเครื่องรางมาคืนนั่นเอง
โดยภายในศาลเจ้าจะมีจุดแจกไม้ไผ่ หรือ ซาซะ ใบใหม่ ฟรี เมื่อหยิบไม้ไผ่แล้ว ก็สามมารถบูชาสิ่งมงคลเพื่อประดับซาซะได้ตามความปรารถนาของแต่ละคน ทั้งเรื่อง “การค้าขายเจริญรุ่งเรือง” “การค้าขายเติบโต” หรือ “มีลูกหลานมากมาย”
ซึ่งคนคันไซที่มีธุกิจเป็นของตัวเองก็จะมาบูชาเครื่องรางฟุกุซาซะนี้ไปประดับ ร้านค้า หรือบริษัท ของตนเองเพื่อขอให้ธุกิจ การค้าประสบความสำเร็จ และเจริญรุ่งเรืองตลอดทั้ง 1 ปี
หลังจากกราบไหว้ และเข้าร่วมงานเทศกาลโทกะเอบิสุ กันไปแล้ว จะพาทุกๆ คนไปช้อปปิ้ง และแวะทานอาหารกัน
เมื่อออกจากศาลเจ้ามาแล้วก็เดินกลับไปที่บันไดทางขึ้นจากสถานีเมื่อตอนต้น จากนั้นก็เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ โดยเดินออกจากหอคอยโอซาก้า (เดินหันออกให้หอคอยโอซาก้าอยู่ด้านหลัง) ก็จะเข้าสู่ย่านที่เป็นศูนย์รวมสำหรับโอตาคุ หรือร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้า ใน “ย่านเด็นเด็นทาวน์”
เมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอร้านที่มีป้ายกันดั้มขนาดใหญ่อยู่หน้าร้าน ซึ่งร้านนี้ก็คือร้านจำหน่ายของเล่น ของสะสม โมเดล ฟิกเกอร์ กันดั้มกันพลา ที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้า ชื่อว่า “ซุปเปอร์คิดส์แลนด์ เมนสโตร” มีทั้งหมด 5 ชั้น
เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะเจอจุดถ่ายรูป ในส่วนชั้นที่ 1 ของร้านจะเป็นส่วนที่สามารถถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย ในชื่นชอบโมเดล ฟิกเกอร์ กันดั้ม กันพลา ไม่ควรพลาด
เพราะว่าด้านในร้าน นอกจากจะมีสินค้าให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีตู้จัดแสดงโมเดล ฟิกเกอร์ กันดั้ม กันพลาขนาดใหญ่ในได้ตื่นตาตื่นใจ
บริเวณชั้น 1 จะมีโซนจำหน่ายกันดั้ม ที่รวมทุกแบบเราไว้ นอกจากนี้สินค้ากันดั้มกันพลาภายในร้าน แม้แต่สินค้าเข้าใหม่ก็ยังมีราคาถูกกว่าราคาทั่วไปถึง 20% อีกด้วย ได้รับความนิยมจากแฟนๆ กันดั้มกันพลาจากคนโอซาก้าเป็นอย่างยิ่ง
และเมื่อเดินออกจากร้านซุปเปอร์คิดส์แลนด์เมนสโตร ออกมาแล้วเดินไปทางซ้ายมือ และเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ “สถานีรถไฟนันไค สถานีนัมบะ (Nankai Namba Station)”
ซึ่งภายในสถานีนันไคนัมบะแห่งนี้จะเชื่อมต่อกับช้อปปิ้งมอลที่มีชื่อว่า นัมบะซิตี้ (NAMBA CITY) แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เอาไว้มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น YEBISU BAR (เอบิสุบาร์) ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับเบียร์เอบิสุ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเบียร์ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังมีทั้งร้านสเต็ก, ซูชิสายพาน หรือร้านราเม็ง ฯลฯ อีกมากมาย
ร้านมีเยอะแยะมากมาย จนเลือกไม่ถูก วันนี้เราจึงเลือกร้านที่น่าสนใจและอาจจะแปลกตาสำหรับชาวต่างชาติมาให้ทุกคนได้รู้จักนั่นก็คือร้าน “IPPOEN KYOTO” ที่มีเมนูที่น่าสนใจให้เลือกมากมาย
เว็บไซต์หลัก : https://ippoen.jp/
โดยร้าน IPPOEN เป็นร้านชาญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1945 อีกทั้งยังเป็นร้านขนมอีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงกลางวันยังมีเซตอาหารกลางวันให้ได้เลือกทาน
ภายในร้านตกแต่งสไตล์ร้านน้ำชาญี่ปุ่น
วิธีการสั่งอาหาร เมื่อเช้าร้านมาแล้วก็สั่งอาหารได้ที่เคาน์เตอร์ ภายในร้านจะต้องบริการตนเอง เพราะฉะนั้นเมื่อสั่งแล้วก็หาที่นั่ง และหยิบน้ำดื่ม หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการด้วยตนเอง
เมื่อสั่งอาหารแล้ว จะได้รับเครื่องส่งสัญญาณคิวอาหาร เมื่อได้อาหารแล้วเครื่องจะส่งเสียงสัญญาณให้ไปรับอาหารได้ที่จุดรับอาหาร
ได้รับอาหารของเราแล้ว ก็นำไปวางที่โต๊ะจองเราได้เลย
เมนูที่เราสั่งในวันนี้คือ “เซตโซบะชา (茶そばセット)”
ภายในเซตจะประกอบไปด้วย โซบะชา และข้าวหน้าปลามากุโระ
สำหรับข้าวหน้าปลามากุโระนั้น จะทานเดี่ยวโดยตรงก็อร่อยแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นจะมีวิธีการทานที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูธรรมดานี้ โดยเราได้เลือกเพื่อ ท๊อปปิ้ง เป็น ไข่ดิบ และน้ำซุป เพื่อจะมาลองทำเมนู “โอชาซึเกะ” คล้ายๆ เมนูข้าวต้ม
หน้าตาจะเป็นอย่างไรไปเปิดดูกันเลย
หน้าน่าทาน พบกับเส้นโซบะชาที่เขียวสีสันสดใส
เริ่มทานจากโซบะชากันเลย ตัวเส้นโซบะชาหอมนุ่ม ทานด้วยการจุ่มกับซอสโซบะสไตล์เกียวโตแบบดั้มเดิม
เป็นรสชาติแปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากร้านโซบะทั่วไป
ต่อไปก็มาที่เมนูข้าวหน้าปลามากุโระ ที่เพิ่มท๊อปปิ้งด้วยไข่ดิบ
ส่วนเนื้อปลามากุโระได้จุ่มกับซอสโชยุมาแล้ว เราจะราดน้ำซุปที่สั่งมาเพิ่มลงไปในข้าวหน้าปลามากุโระ และร้านพร้อมกันเลย รสชาติของซอสโชยุจากปลามากุโระ ผสมผสานกับไข่ ทำให้ได้ข้าวหน้าปลามากุโระที่รสชาติแปลกใหม่ กลมกล่อมและทานง่ายมากๆ หากมีโอกาสสามารถลองเมนูนี้แบบเราดูได้เลย
เมื่อรับประทานเรียบร้อยแล้วก็นำถาดจานที่รับประทานเสร็จแล้วไปคืนที่จุดคืนภาชนะ
สำหรับการเดินทางไปสถานที่อื่นๆ สามารถเดินจากนัมบะซิตี้ผ่านทางเดินใต้ดินไปยังสถานีต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น “สถานีนันไคนัมบะ” , “สถานีคินเท็ตสึนัมบะ” หรือ สถานีรถไฟใต้ดิน “สถานีนัมบะ” ได้เลย เนื่องจากเป็นทางเดินใต้ดินในร่มเพราะฉะนั้นแม้วันแดดจัด วันที่อากาศหนาวเย็น หรือวันที่ฝนตกก็สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย
จบกันไปแล้วกับทริปสั้นๆ ต้อนรับปีใหม่ในปีค.ศ.2022 ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของทุกๆ คนอีกเช่นเคย ทาง ICHIGO JAPAN ก็ขอฝากเพื่อนๆ ทุกคนติดตามข่าวสาร หรือการแนะนำทริปต่างๆ ในญี่ปุ่นไปอีก 1 ปี ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ และหวังว่าเพื่อนๆ จะได้เดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ในเร็ววัน