วันขึ้นปีใหม่ของประเทศญี่ปุ่นนั้นเริ่มขึ้นในวันที่ 1 เดือนมกราคมเช่นเดียวกับวันขึ้นปีใหม่ของสากล ซึ่งในช่วงเริ่มต้นปีใหม่จะเป็นช่วงที่ วัด หรือ ศาลเจ้า ทั่วประเทศญี่ปุ่นจัดงานเทศกาลต่างๆ เพื่อขอให้ปีนั้นเป็นปีที่ดี ครอบครัวสงบสุข สุขภาพแข็งแรงพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ และการค้าขายรุ่งเรืองตลอดปี ทำให้บรรยากาศที่วัด และศาลเจ้าคึกครื้นเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นเพียงใด แต่งานเทศกาลในช่วงนี้ก็มีความคึกคัก บรรยากาศดุเดือด และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนที่ผ่านมาเราได้พูดถึงงาน “เทศกาลฤดูหนาว” ในบริเวณโตเกียวกันไปแล้ว และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงงานเทศกาลช่วงฤดูหนาวในบริเวณ โอซาก้า และ เกียวโต กันทั้งหมด 3 เทศกาล ไปดูกันเลย
1. 「งานโทกะเอบิสุ ศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสุ / TOUKAEBISU-IMAMIYA EBISU SHRINE 」(โอซาก้า)
และงานเทศกาลแรกก็คืองานที่ถูกจัดขึ้นในที่ต่างๆ ภายในแถบคันไซกับงาน “โทกะเอบิสุ TOUKAEBISU(十日戎)”โดยจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วันในวันที่ 9, 10 และ 11 เดือนมกราคม
ในวันที่ 9 ก็คือ “โยอิมิยะ 宵宮” วันที่ 10 คือ “โทกะเอบิสุ TOUKAEBISU(十日戎:โทกะในที่นี่แปลว่า สิบ)” และวันที่ 11 ก็คือ “โนโคริฟุกุ 残り福” ซึ่งภายในงานนี้จะเป็นการขอพร “เทพเจ้าเอบิสุ” เทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ขึ้นชื่อทางด้านการให้โชคเรื่องการค้าขายรุ่งเรือง เพื่อขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข และการค้าขายรุ่งเรืองตลอดปี พร้อมประดับ「ฟุกุซาซะ (福笹)」ที่เป็นสัญลักษณ์คุ้มครองของเทพเจ้าเอบิสุ เอาไว้ตามบ้านเรือน
สำหรับงาน “โทกะเอบิสุ TOUKAEBISU(十日戎)” นี้ถึงแม้ว่าจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในแถบคันไซอย่างเช่นที่ “ศาลเจ้านิชิโนะมิยะ” ในเฮียวโงะ, โฮริคาวะเอบิซุ ในโอซาก้า หรือ วัดเค็นนินจิ ในเกียวโต แต่สถานที่ที่คึกคักเป็นพิเศษเลยก็คือที่ “ศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสุ”『IMAMIYA EBISU SHRINE(今宮戎神社)』นั่นเอง
ศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสุ เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใกล้ “ย่านนัมบะ” ในโอซาก้า ที่มีผู้คนมาเยี่ยมชมมากกว่า 1 ล้านคนในเวลา 3 วันเลยทีเดียว
เมื่อกราบไหว้สักกระศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสุ ในงานโทกะเอบิสุ และขอพรให้การค้ารุ่งเรืองตลอดปีแล้ว ก็สามารถไปที่สำนักงานศาลเจ้าข้างๆ ทั้งซ้ายและขวาอาคารศาลเจ้าเพื่อรับ「ฟุกุซาซะ (福笹)」(กิ่งไม้ไผ่) ได้อีกด้วย(ฟรี)
“ไม้ไผ่” ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นสถานที่สิงสถิตของเทพเจ้า โดย「ฟุกุซาซะ (福笹)」ที่ได้พูดถึงกันไปข้างต้นนี้ จะทำจากกิ่งไม้ไผ่ที่มีใบไม้สีเขียวสดใสสวยงามตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะมีขนาดไม่เท่ากันมีทั้งเล็กใหญ่ สามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบเลย เมื่อเลือกแล้วก็สามารถนำ「ฟุกุซาซะ(福笹)」ไปติดของที่เป็นลางดีอย่าง「KODAKARA(小宝)」(อ่านว่า โคดาคาระ เป็นเหมือนของตกแต่ง) เพื่อทำการ「福むすめ : FUKUMUSUME」โดย「KODAKARA(小宝)」นี้ก็จะมีทั้ง「熊手:KUMADE(คลาดไม้)」「袋 : ฟุกุโระ(ถุง)」หรือ「ざる : ZARU(กระด้ง)」ถือเป็นการสะสมโชคลาภ ขอให้การค้าขายรุ่งเรืองนั่นเอง แต่ทว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งต่างๆ ราคาประมาณ 1500 เยน ยิ่งหากได้สะสมไปทีละอัน ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกในแต่ละปีเลยทีเดียว
ซึ่งวิธีการเดินทางไปยังศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสุนั้น ใช้บริการสถานีอิมามิยะ เอบิสุ(Imamiyaebisu Station) สายหลักนันไค, รถไฟใต้ดิน สถานีไดโกคุโจ(Daikokuchō Station) สายมิโดซุจิ หรือ รถไฟใต้ดินสถานีเอบิสุโจ(Ebisuchō Station) สายซะไกซึจิ ทั้ง 3 สถานีนี้จะสะดวกที่สุด โดยสามาารถเดินทางจากใจกลางเมืองโอซาก้าอย่าง อุเมดะ, ชินไซบาชิ, นัมบะ หรือ เท็นโนจิ ด้วยรถไฟใต้ดินสายมิโดซุจิ มายังสถานีไดโกคุโจ หรือ เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ด้วยรถไฟนันไค มายังสถานีนันไคอิมามิยะ เอบิสุ จะสะดวกที่สุด ซึ่งในช่วงเวลางาน “โทกะเอบิสุ” นี้ในสถานีรถไฟต่างๆ จะมีผู้คนหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นสามารถเดินไหลมาตามผู้คนได้ไม่มีหลงแน่นอน และที่สำคัญคือ ระหว่างทางเดินจากสถานีมายังศาลเจ้าจะเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยต่างๆ มากมายที่พบเห็นได้ในงานวัดญี่ปุ่น ได้บรรยากาศงานเทศกาลญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนเข้างานเลยทีเดียว
2. 「งานเซสึบุน ศาลเจ้าโยชิดะ / SETSUBUN-YOSHIDA SHRINE」(KYOTO)
ในปฏิทินของประเทศญี่ปุ่น จะระบุวันที่เปลี่ยนจากฤดูหนาวเป็นฤดูใบไม้ผลิว่า「立春(RISSYUN)」ในวันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งในวันนี้จะเป็น “เซสึบุน” โดยจะทำการปาถั่วเหลือง ไปที่ยักษ์(สิ่งชั่วร้าย) เพื่อปัดเป่า(ไล่) สิ่งชั่วร้ายให้หมดไป ที่『ศาลเจ้าโยชิดะ(吉田神社)』
ถึงแม้ว่างาน “เซสึบุน” จะเป็นที่รู้จักจากศาลเจ้านาริตะซัง ชินโชจิ หรือ วัดเซ็นโซ ในแถบคันโต แต่ศาลเจ้าที่เป็นจุดเริ่มต้นก็คือ ศาลเจ้าโยชิดะ ในเกียวโต ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่โด่งดังจากงานเทศกาล อีกทั้งยังเป็นงาน “เซสึบุน” ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดย「ศาลเจ้าโยชิดะ」เป็นศาลเจ้าที่มีทั้งเทพเจ้าที่เป็นรากฐานของโลก หรือ ศาลเจ้าแปดเหลี่ยมจากทั่วประเทศมากมาย เท่านั้นไม่พอยังมีศาลเจ้าถวายเทพเจ้าอาหารและขนมอีกด้วย เรียกได้ว่ามีจุดที่น่าสนใจมากมาย
ในช่วงเวลางาน “เซสึบุน” นี้จะมีงานอีเว้นท์ต่างๆ มากมาย อย่างเช่น “งานเอกิจินไซ”「EKIJINSAI(疫神祭)」เพื่อขับไล่เทพเอกิจินที่นำพาภัยพิบัติเข้ามา หรือ งาน「ONIYARAI(鬼やらい)」พิธีปาถั่วเพื่อขับไล่ยักษ์ แต่ทว่างานที่คึกคัก และดุเดือดมากที่สุดก็คืองาน “คาโระไซ”「KAROSAI(火炉祭)」ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 23:00 น. โดยจะนำเตาไฟขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร ที่มีเครื่องราง หรือแผ่นยันต์ต่างๆ อยู่ด้านใน มาเผาไฟเป็นจุดไคลแม็กซ์ ของงานเซสึบุนนั่นเอง
ซึ่ง “ศาลเจ้าโยชิดะ” แห่งนี้จะเป็นศาลเจ้าที่อยู่ข้างๆ หนึ่งในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น “มหาวิทยาลัยเกียวโต” โดยชาวต่างชาติสามารถเข้าออกบริเวณมหาวิทยาลัยเกียวโตที่เป็นมหาวิทยาลัยที่นางอองซาน ซูจีเคยศึกษาอยู่ ได้อย่างอิสระ
เพราะฉะนั้นหากคุณได้ไปเที่ยวงาน “เซสึบุน” ก็สามารถแวะไปที่มามหาวิทยาลัยเกียวโต เพื่อเข้าลองทานอาหารในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น หรือซื้อของที่ระลึกต่างๆ ที่จำหน่ายอยู่ในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
โดยการเดินทางไปยังศาลเจ้าโยชิดะนั้น เดินทางด้วยรถบัสที่วิ่งในเกียวโตจะสะดวกที่สุด สามารถนั่งรถบัสสาย “206系統” จากสถานีเกียวโต หรือวันน้ำใสคิโยมิซึ หรือสามารถนั่งรถบัสสาย “201系統” จาก “คาวาระมาจิ” และ “กิออน” เพื่อมาลงที่ป้ายรถบัส「Kyodaiseimonzen Bus Stop(京大正門前)」จากนั้นเดินไปอีกเพียง 5 นาทีเท่านั้น
3. 「KYOTO・HIGASHIYAMA HANATOURO」(KYOTO)
และงานเทศกาลสุดท้ายก็คือ『HIGASHIYAMA HANATOURO』ในเกียวโตที่จัดขึ้นในช่วงสิ้นสุดฤดูหนาว
เป็นงานที่จัดขึ้นในวัด หรือศาลเจ้าหลักๆ ของเกียวโต ในบริเวณฮิงาชิยามะ ที่มีการประดับโคมไฟกว่า 2500 อัน พร้อมการแสดงการจัดดอกไม้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ในวัดหรือศาลเจ้าดังๆ ยังเปิดให้ชมการฉายไฟยามค่ำคืนอีกด้วย เป็นช่วงที่สามารถชมเมืองเกียวโตที่สวยงามในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยงชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่ง「KYOTO・HIGASHIYAMA HANATOURO」นี้จะจัดขึ้นตั้งแต่ ทางตอนใต้ที่วัดน้ำใสคิโยมิซึ ตามด้วยวัดโคไดจิ สวนมารุยามะ ศาลเจ้ายาซากะ ไปจนถึงทางตอนเหนือที่ วัดโชเร็นอิน เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
ซึ่งในปีพ.ศ.2562 นี้จะจัดขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 8(ศุกร์) ไปจนถึง วันที่ 17(อาทิตย์) เดือนมีนาคม นั่งเอง
ซึ่งในช่วงระยะเวลาการจัดงาน「KYOTO・HIGASHIYAMA HANATOURO」นี้ก็จะมีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ「KITSUNE NO YOMEIRI JUNKOU(狐の嫁入り巡行:แปลว่า ขบวนแห่เจ้าสาวสุนัขจิ้งจอก)」ของ “วัดโคไดจิ”「KODAIJI(高台寺)」ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้เห็นการออกเรือนของสุนัขจิ้งจอกถือเป็นความโชคดี ทำให้มีแต่ความสุข ดังนั้นในงาน “KYOTO・HIGASHIYAMA HANATOURO” นี้จะมีการแห่ขบวนเจ้าสาวสุนัขจิ้งจอก โดยเริ่มออกเดินแห่ขบวนตั้งแต่หน้าประตูซันมงวัดจิออนอิน(知恩院) ตามด้วยสวนมารุยามะ วัดชุนโคอิน ไปจนถึงวัดโคไดจิ โดยจะจัดการแห่ขบวนขึ้นคืนละ 2 รอบ คือ ออกจากหน้าประตูซันมงวัดจิออนอินในเวลา 19:00 น. และ 20:00 น. เป็นเวลา 40 นาที ไปจนถึงวัดโคไดจิ
นอกจากนี้ที่ “วัดโคไดจิ” “วัดจิออนอิน” หรือ “วัดโชเร็นอิน” ยังเปิดให้ชมได้ในช่วงกลางคืนอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากคุณได้ท่องเที่ยวแถบคันไซในช่วงเดือนมีนาคมก็ลองไปเข้าร่วมชมงานกันได้เลย
ในครั้งนี้เราได้พูดถึง “เทศกาลฤดูหนาว” ของญี่ปุ่นในโอซาก้า และเกียวโตไปทั้งหมด 3 งานคือ
เดือนมกราคม :「TOUKAEBISU-IMAMIYA EBISU SHRINE」(โอซาก้า)
เดือนกุมภาพันธ์ :「SETSUBUN-YOSHIDA SHRINE」(เกียวโต)
เดือนมีนาคม :「KYOTO・HIGASHIYAMA HANATOURO」(เกียวโต)
ไม่ว่าเทศกาลไหนๆ ก็ตั้งอยู่ในเมืองโอซก้า และเกียวโต ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังเป็นงานเทศกาลขึ้นชื่อที่ได้รับความนิยมทั้งจากคนญี่ปุ่น และชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เท่านั้นไม่พอยังเปิดให้เข้าร่วมได้จนถึงค่ำ เพราะฉะนั้นสามารถเดินทางมาเข้าร่วมงานได้หลังจากการท่องเที่ยวมาทั้งวันได้เลยทีเดียว
หากคุณมีแพลนว่าจะได้มาท่องเที่ยวในแถบคันไซในช่วงเทศกาลเหล่านี้ ก็ลองแวะไปสัมผัสบรรยากาศงานเทศกาลของญี่ปุ่นกันดูได้เลย แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ♪