อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงดอกซากุระบานกันแล้ว ในช่วงฤดูกาลที่ประเทศญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพู และขาวไปทั่วทั้งประเทศ อย่าง “ช่วงดอกซษกุบาน” นั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากพูดถึงดอกซากุระแล้ว คนส่วนใหญ่ก็อาจรู้จักแต่ซากุระพันธุ์ “โซเมอิโยชิโนะ” แต่อันที่จริงแล้วชนิดของซากุระนั้นมีอยู่มากมายกว่า 100 ขนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันออกไปในด้านต่างๆ ทั้งช่วงเวลาที่ดอกไม้บาน จำนวนกลีบดอกไม้ ขนาด หรือวิธีการบานเป็นต้น
ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “ซากุระ” สายพันธุ์เด่นๆ ในญี่ปุ่นกันเลย
1. คาวาซุ ซากุระ : KAWAZU ZAKURA(河津桜)
ซึ่ง “คาวาซุ ซากุระ”「KAWAZU ZAKURA(河津桜)」นี้ถือเป็นดอกซากุระที่บานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ เป็นพันธุ์ที่มาจากจังหวัดชิซุโอกะ ในเมืองคาวาซุของคาบสมุทรอุซุ ที่จะเริ่มบานในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ดังปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งเอกลักษ์ของซากุระพันธุ์นี้นอกจากจะเป็นพันธุ์ซากุระที่บานเร็วแล้ว ยังเป็นซากุระที่สามารถชมได้เป็นเวลานานอีกด้วย เมื่อเทียบกับดอกซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายที่จะบานเพียง 10 วันเท่านั้น แต่ดอกคาวาซุ ซากุระนั้นจะมีระยะเวลาบานนานถึง 1 เดือนเลยทีเดียว ปัจจุบันนอกจากจังหวัดชิซุโอกะที่สามารถหาชมได้เป็นหลักแล้ว ยังสามารถชมดอกซากุระชนิดนี้ได้ที่บริเวณโตเกียว โอซาก้า ที่อยู่บริเวณทางมหาสมุทรแปซิฟิกได้อีกด้วย
และในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมี “งานเทศกาลคาวาซุ ซากุระ”「KAWAZU ZAKURA MATSURI(河津桜まつり)」ในเมืองคาวาซุ ที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาชมเส้นทางสายดอกซากุระกันเป็นจำนวนมาก
2. เอโดะฮิกัน ซากุระ : EDOHIGAN ZAKURA(江戸彼岸桜)
โดย “เอโดะฮิกัน ซากุระ”「EDOHIGAN ZAKURA(江戸彼岸桜)」เป็นพันธุ์ซากุระที่มีความคล้ายกับโซเมอิโยชิโนะ แต่จะมีความเด่นกว่าในเรื่องช่วงเวลาการบานที่เร็วกว่าโซเมอิโยชิโนะ โดยส่วนใหญ่แล้ว “ดอกเอโดะฮิกัน ซากุระ” จะเป็นดอกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งมีอายุขัยมากกว่า 1000 ปีเลยทีเดียว สามารถหาชมได้บริเวณแถบคันโตทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นหลัก
3. ชิดาเระ ซากุระ : SHIDARE ZAKURA(枝垂れ桜)
และสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากดอกเอโดะฮิกัน ซากุระ ก็คือ “ชิดาเระ ซากุระ”「SHIDARE ZAKURA(枝垂れ桜)」โดยเอกลักษณ์ของดอกซากุระพันธุ์นี้ก็คือกิ่งที่อ่อน และทำให้กิ่งโค้งงอห้อยลงมาเหมือนน้ำตก สวยงามโดดเด่น เป็นสายพันธุ์ซากุระที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า「ITOZAKURA(糸桜)」แบ่งออกเป็นหลากหลายชนิดคือ「BENI SHIDARE(ベニシダレ)」「YAEBENI SHIDARE(ヤエベニシダレ)」「SHIDARE SOMEIYOSHINO(シダレソメイヨシノ)」เป็นต้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น และช่วงเวลาการบานของดอกก็มีความแตกต่างกันไปตามชนิด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะบานช้ากว่าสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระสายพันธุ์นี้ได้ไปจนถึงช่วงต้นวันหยุดสงกรานต์นั่นเอง
4. โอชิมะ ซากุระ : OSHIMA ZAKURA(大島桜)
สายพันธุ์ที่เป็นรากฐานของดอกซากุระสายพันธุ์เพาะปลูกนั่นก็คือ “โอชิมะ ซากุระ”「OSHIMA ZAKURA(大島桜)」อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ที่เป็นรากฐานของสายพันธุ์ “โซเมอิ โยชิโนะ” ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย ถึงแม้ว่ารูปร่างลักษณะของสายพันธุ์นี้จะมีความคล้ายสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ แต่เอกลักษณ์ของดอกซากุระสายพันธุ์นี้ก็คือ ดอกซากุระจะบานพร้อมกับส่วนใบไม้นั่นเอง โดยใบของสายพันธุ์นี้จะมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์จึงถูกนำไปใช้เป็นใบไม้ที่ห่อขนม “ซากุระโมจิ” ของญี่ปุ่นอีกด้วย เมื่อเทียบกับดอกโซเมอิ โยชิโนะแล้ว จะเป็นสายพันธุ์ที่บานช้ากว่าโซเมอิ โยชิโนะ ซึ่งจะบานพร้อมๆ กับดอกชิดาเระซากุระ ดังนั้นจึงสามารถเพลิดเพลินกับดอกโอชิมะ ซากุระไปจนถึงช่วงต้นวันหยุดสงกรานต์นั่นเอง้
5. โซเมอิ โยชิโนะ : SOMEI YOSHINO(ソメイヨシノ)
โดยสายพันธุ์ “โซเมอิ โยชิโนะ”「SOMEI YOSHINO(ソメイヨシノ)」นี้เกิดจากการผสมสายพันธุ์ระหว่าง “โอชิมะ ซากุระ” และ “เอโดะฮิกัน ซากุระ” จากช่างเพราะปลูกในหมู่บ้านโซเมอิของโตเกียว(บริเวณอิเคบุคุโระในปัจจุบัน) ตั้งแต่ช่วงท้ายยุคเอโดะเมื่อ 160 ปีก่อน ซึ่งสายพันธุ์โซเมอิ โยชิโนะนี้ไม่สามารถขึ้นเองตามธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำการทาบกิ่ง เพื่อขยายสายพันธุ์ ทำให้มีสายพันธุ์นี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 80% เลยทีเดียว
6. ยามะซากุระ : YAMA ZAKIRA(山桜)
“ยามะซากุระ”「YAMA ZAKIRA(山桜)」ซากุระสายพันธุ์นี้เป็นซากุระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนภูเขาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเป็นซากุระที่โดดเด่นมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยก่อนที่ดอกโซเมอิโยชิโนะจะได้รับความนิยมเช่นกัน ในการชมดอกซากุระ หรือ “ฮานามิ” ก็คือ “ดอกยามะซากุระ” โดยสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระสายพันธุ์นี้ก็คือ “ภูเขาโยชิโนะ”「YOSHINOYAMA(吉野山)」ที่สามารถ
เดินทางจากนัมบะในตัวเมืองโอซาก้าด้วยรถไฟด่วนพิเศษไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนเมษายนแล้ว ภูเขานี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระสวยงามมากเลยทีเดียว
7. ยาเอะ ซากุระ : YAE ZAKURA(八重桜)
“ยาเอะ ซากุระ”「YAE ZAKURA(八重桜)」นี้เป็นดอกที่บานอยู่ 8 ชั้น มีลักษณะเด่นคือมีกลีบอยู่เป็นจำนวนมาก อยู่รวมกับเป็นกลุ่มอย่างสวยงาม โดยจำนวนกลีบดอกสายพันธุ์นี้จะมีจำนวนตั้งแต่ 10-300 กลีบ มีชื่อเรียกอื่นว่า「BOTANZAKURA(ボタンザクラ)」หรือ「KIKU ZAKURA(菊桜)」
ซึ่ง “ดอกยาเอะซากุระ” นี้จะไม่ใช่ดอกที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกเพาะปลูกขึ้นที่บริเวณรอบนอกจึงถูกเรียกว่า「SATO ZAKURA(里桜)」ด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่ายาเอะซากุระนี้จะสามารถเพลิดเพลินได้ทั่วประเทศ แต่สถานที่ชมดอกซากุระชนิดนี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ “โรงกษาปณ์โอซาก้า(大阪造幣局)” บริเวณเท็มมะบาชิในโอซาก้า ซึ่งสามารถชมได้ในช่วงตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนไปจนถึงวันที่ 20 เพื่อชมเส้นทางสายดอกซากุระที่เป็นเหมือนอุโมงค์ซากุระสวยงามที่ดอกยาเอะซากุระ และชิดาเระซากุระ
ในวันนี้เราได้พูดถึงซากุระสายพันธุ์เด่นในประเทศญี่ปุ่นที่อยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์มาให้ทุกท่านได้รู้จักทั้งหมด 7 สายพันธุ์คือ
1. คาวาซุ ซากุระ : KAWAZU ZAKURA(河津桜)
2. เอโดะฮิกัน ซากุระ : EDOHIGAN ZAKURA(江戸彼岸桜)
3. ชิดาเระ ซากุระ : SHIDARE ZAKURA(枝垂れ桜)
4. โอชิมะ ซากุระ : OSHIMA ZAKURA(大島桜)
5. โซเมอิ โยชิโนะ : SOMEI YOSHINO(ソメイヨシノ)
6. ยามะซากุระ : YAMA ZAKIRA(山桜)
7. ยาเอะ ซากุระ : YAE ZAKURA(八重桜)
ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีช่วงเวลาการบาน ลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามชนิด อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงดอกซากุระบานกันแล้ว ยังไงลองหาซากุระสายพันธุ์ที่ท่านถูกใจดูได้เลย แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า♪