เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับคนรักซูชิ

อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันแล้ว ซึ่งในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นนั้นนอกจากวิวธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยก็คือ “อาหาร” โดยอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยก็มีอยู่มากมายอย่างเช่น ข้าวหน้าหมูทอด “ทงคัตสึ” “เท็มปุระ” หรือ “โอโคโนมิยากิ” ซึ่งอาหารที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “ซูชิ” ซึ่งร้านซูชิในประเทศญี่ปุ่นก็มีอยู่หลากหลายชนิด แต่การจะเข้าร้านซูชิในประเทศญี่ปุ่นในบางครั้งก็อาจเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆ มากมายด้วยภาษา หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

ดังนั้นในวันนี้เราจะมาพูดถึง “ร้านซูชิ” ที่จะเป็นประโยชน์ให้ทุกท่านได้ทานซูชิกันให้เต็มอิ่ม

มาเริ่มกันที่ “ชนิดของร้านซูชิ” กันเลย ซึ่งร้านซูชิก็จะมีอยู่หลากหลายประเภทตั้งแต่ร้านที่ราคาถูกเป็นกันเอง ไปจนถึงร้านหรูดูดีราคาแพงหูฉี่ เราจะไปดูร้านซูชิตั้งแต่ราคาต้นๆ กัน ก็คือ “ร้านซูชิสายพาน” หรือในภาษาญี่ปุ่นถูกเรียกว่า “ไคเต็นซูชิ(回転寿司)” ที่ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 100 เยนต่อจานเป็นต้นไป ซึ่งวิธีการสังเกตุราคาซูชิในแต่ละจานก็ไม่ยาก เพียงสังเกตุจากลาย หรือสีที่แตกต่างกันของจานเท่านั้น ซึ่งถือว่าอุ่นใจมากๆ นอกจากซูชิหน้าต่างๆ แล้ว ก็ยังมีเมนูทานเล่น หรือเมนูอาหารต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

โดยวิธีการรับประทานนั้นก่อนอื่นก็ต้องบอกจำนวนคน ซึ่งร้านซูชิสายพานโดยส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงเวลาอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นที่ต้องรอคิวยาวเหยียด เมื่อถึงคิวแล้วก็ไปที่โต๊ะ จากนั้นก็เลือกหยิบซูชิหน้าต่างๆ จากสายพานหรือสั่งเพิ่มเติมจากหน้าจออาหารเพื่อสั่งเมนูต่างๆ ได้ตามความชอบเลย จากนั้นเมื่อทานเสร็จแล้ว ก็เลือกพนักงานให้เก็บเงินก็จะได้รับใบเสร็จเพื่อนำไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ได้เลย

แนะนำสำหรับท่านใดที่ต้องการทานซูชิราคาประหยัด อร่อย และเต็มอิ่ม อีกทั้งยังมีเมนูให้เลือกได้หลากหลายอีกด้วย!

ต่อไปมาดูกันที่ร้านซูชิแบบดั้งเดิมกันเลย ซึ่งบางร้านอาจยากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากว่าภายในร้านส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งเมนูซูชิโดยตรงกับ “เชฟปั้นซูชิ” หรือ “ซูชิโชกุนิน(寿司職人)” และเชฟก็จะทำการปั้นซูชิเสริฟ์สดๆ ให้ทานต่อหน้า ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ก็จะเป็นวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี เน้นการดึงรสชาติความอร่อยของวัตถุดิบออกมาอย่างเต็มที่ นอกจากรสชาติความอร่อยแล้ว ท่านจะได้ชมการปั้นซูชิของเชฟกันได้ต่อหน้าเลยทีเดียว

โดยราคาซูชิจะเริ่มต้นที่ประมาณ 300 เยนขึ้นอยู่กับความหรูหราของร้าน เพราะฉะนั้นแนะนำให้ลองค้นหาราคาดูก่อนเดินทางไปทานจะอุ่นใจที่สุด

ซึ่งนอกจากความแตกต่างทางด้านคุณภาพอาหาร และราคาแล้ว ร้านซูชิเหล่านี้จะมีส่วนใหญ่จะมีวิธีการหรือข้อปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ อยู่ด้วย

อย่างเช่น มารยาทในการทานซูชินั้น ในบางครั้งอาจพบเห็นลูกค้าบางท่านทานซูชิด้วยมือ ซึ่งคุณสามารถทานด้วยตะเกียบ หรือมือก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับขิงนั้นจะต้องทานด้วยตะเกียบเท่านั้น ต่อไปเป็นลำดับการทานเมนูซูชิ ความจริงแล้วลำดับการทานนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดที่ตายตัว แต่หากต้องการทานซูชิให้อร่อยและได้รสชาติที่แท้จริงนั้นให้ทานจากวัตถุดิบที่เป็นเนื้อขาวก่อน และลำดับการทานนั้นให้ทานจากด้านซ้ายไป หากทานหน้าซูชิที่มันและมีรสชาติเข้มไปแล้วก็สามารถทานขิงเพื่อถือเป็นการล้างปากได้

นอกจากนี้สำหรับการทานกับ “ซอสโชยุ” นั้น จะต้องจุ่มซอสโชยุจากหน้าซูชิ หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “เนตะ” ไม่ใช่ด้านข้าว เนื่องจากหากจุ่มทางด้านข้าวไป ข้าวจะดูดซึมซอสโชยุมากเกินไปจนทำให้กลบรสชาติของหน้าซูชิ เพราะฉะนั้นควรจุ่มซอสโชยุในปริมาณที่พอดีไม่มากจนเกินไป ส่วนวิธีการทานวาซาบินั้นก็ไม่ควรละลายวาซาบิไปกับซอสโชยุ และทานในปริมาณที่พอดี สำหรับซูชิแบบ “กุนคังมากิ”(ภาพล่างขวา) นั้นสามารถใช้ขิงหรือแตงกวาที่ตกแต่งมาจุ่มซอสโชยุทาที่ซูชิแบบ “กุนคังมากิ” ได้เลย และซูชินั้นจะต้องทานซูชิเข้าไปภายในคำเดียว เป็นต้น ถึงแม้ว่าการปฏิบัติเหล่านี้จะไม่ใช่กฏระเบียบบังคับ แต่ก็เป็นมารยาทในโต๊ะอาหารของการทานซูชิที่ทำให้เข้าถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้นนั่นเอง

และนอกจากการปฏิบัติระหว่างทานซูชิแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลยก็คือ ซูชิหน้าต่างๆ และศัทพ์ที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นเราจะมายกตัวอย่างหน้าซูชิที่ท่านไม่ควรพลาดกันซักเล็กน้อย

  • แซลมอน : サーモン(แซลมอน)・トロサーモン(โทโระแซลมอน ที่มีความมันกว่า)
  • มากุโระ : マグロ赤身(มากุโระอากามิ)・中トロ(จูโทโระ)・大トロ(โอโทโร่)
  • กุ้ง :えび(เอบิ)
  • ฮามาจิ : ハマチ(ฮามาจิ)
  • หอย : ホタテ(โฮตาเตะ)
  • ไข่หวาน : 玉子(ทามาโกะ)
  • ปลาไหล : 穴子(อานาโกะ)
  • ปลาไท : 鯛(ไท)
  • หอยเม่น : ウニ(อูนิ)
  • ปลาหมึก : いか(อิกะ)

ส่วนศัพท์ง่ายๆ ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น “ไม่ใส่วาซาบิ : วาซาบินุกิ(わさび抜き)” สำหรับเด็กๆ หรือท่านที่ไม่ทานวาซาบิ

 “คิดเงิน : โอะคันโจ(お勘定)” หรือ “ดิบ : นามะ(生)” และสำหรับน้ำชาที่ร้านซูชิจะเรียกว่า “น้ำชา : อาการิ(上がり)” เป็นต้น

ในครั้งนี้เราได้แนะนำประเภทของร้านซูชิแบบซูชิสายพานที่สามารถทานซูชิได้ในราคาประหยัด และมีความหลากหลายใช้บริการง่ายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และร้านซูชิที่เป็นแบบดั้งเดิม ซูชิที่ปั้นสดๆ จากมือเชฟซูชิ ที่สามารถทานซูชิสดใหม่คุณภาพคัดสรรมาอย่างดี มีระเบียบขอปฏิบัติเล็กน้อยที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่คุ้นชิน ยังไงท่านลองเลือกทานซูชิที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสรสชาติความอร่อยที่แท้จริงจากประเทศญี่ปุ่นกันดูได้เลย แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า