ในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เรื่องของกิน” โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่นที่จะต้องลองซักครั้ง
ซึ่งนอกจากขนมชนิดต่างๆ ที่เป็นรสชาเขียว “มัทฉะ” ที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดี และคิดว่าถ้าจะซื้อไปเป็นของฝาก “มัทฉะ” คือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุด โดยอันที่จริงแล้วที่ประเทศญี่ปุ่นยังมีขนมอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะ “วากาชิ” 「和菓子:WAGASHI」 ที่เป็นชื่อเรียก “ขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม” เป็นเอกลักษณ์อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นของประเทศญี่ปุ่นที่สามารถ “สัมผัสความสวยงามด้วยตา” และ “สัมผัสรสชาติความอร่อย” ไปได้พร้อมๆ กัน ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม “วากาชิ” ที่มีเอกลักษณ์ที่คุณไม่ควรพลาด ไปดูกันเลย
1. “โดรายากิ Dorayaki”「どら焼き」
มาเริ่มกันที่อย่างแรกกับขนม “โดรายากิ” หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อขนมนี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งขนม “โดรายากิ” นี้ก็คือขนมที่นำแป้งขนมลักษณะเป็นแพนเค้กสองแผ่นมาประกบเข้ากับไส้ถั่วแดงกวน หรือที่เรียกว่า “อังโกะ” ตามแบบดั้งเดิม โดยเป็นของโปรดของ “โดเรม่อน” หุ่นยนตร์แมวจากการ์ตูนชื่อดังนั่นเอง
ซึ่งในปัจจุบันขนมดารายากิก็ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย และปรับให้เด็กๆ และคนทั่วไป จนเกิดเป็นโดรายากิที่เพิ่มลูกเล่น หรือเพิ่มรสชาติของไส้ต่างๆ มากขึ้น เช่นการเพิ่มวิปครีม หรือ โมจิลงไปในไส้อังโกะ เพิ่มเกาลัด(โดรายากิเกาลัดตามภาพล่างซ้าย) หรือเปลี่ยนรสชาติแป้งเป็นรสมัทฉะ นอกจากนี้ยังมี “โดรายากิมอคค่า”(ตามภาพล่างขวา) เป็นต้น
โดยคุณสามารถหาซื้อ “โดรายากิ” ได้ไม่ยาก สามาถหาซื้อได้ทั่วไปทั้ง ร้านสะดวกซื้ออย่างเช่น เซเว่น ลอว์สันต์ ฯลฯ ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้าทั้งขนาดเล็ก และแบบหรูหรา เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นขนมญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครๆ ก็รู้จักซึ่งนอกจากจะอร่อย ทานได้ง่ายแล้ว ยังเป็นของฝากชั้นดีจากญี่ปุ่นอีกด้วย
ซึ่งแหล่งกำเนิดของโดรายากินั้นก็คือ “โตเกียว” โดยมีร้านโดรายากิอร่อยๆ อยู่มากมายหลายร้านในเมืองโตเกียว แต่จะมีอยู่หนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมมากๆ นั้นก็คือร้าน “อุซางิยะ”『USAGIYA(うさぎや)』งอยู่ใน “สถานีอุเอโนะ” ที่เป็นสถานีที่มี「Skyliner」ที่เชื่อมระหว่างสนามบินนาริตะและในตัวเมืองโตเกียว
ซึ่งความหมายของชื่อร้านก็คือ “กระต่าย” เพราะฉะนั้นที่ร้านก็จะมีการประดับด้วยกระต่ายเป็นเอกลักษณ์ เป็นร้านขนมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมากว่า 100 ปีในปีพ.ศ.2458 ซึ่ง “โดรายากิ” ของที่ร้าน “อุซางิยะ” นี้ก็จะมีความนุ่ม หวาน มัน อร่อย เป็นรสชาติที่พอดีและลงตัว หากได้ลองทานแล้วรับรองว่าจะหยุดทานไม่ได้เลยทีเดียว
โดย “โดรายากิ” ของที่ร้าน “อุซางิยะ”「USAGIYA(うさぎや)」นี้จะมีอายุเพียง 2 วันหลังจากการผลิตเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องรับประทานที่ร้าน หรือทานระหว่างการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเลย ถ้าหากต้องการซื้อไปเป็นของฝากกลับประเทศไทยก็สามารถซื้อได้ที่สนามบินนาริตะในวันสุดท้ายก่อนการเดินทาง ซึ่งร้านสาขาหลักจะตั้งอยู่ห่างจาก “สถานีรถไฟ Keisei สถานีอุเอโนะ” ที่มีเส้นทางรถไฟไปสู่สนามบินนาริตะ โดยเดินเท้าไปเพียง 8 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ที่บริเวณใกล้เคียงยังมี ตลาดอาเมะโยโกะ และ ร้านทาเคยะ หรือที่รู้จักในนามของ “ตึกม่วง” เป็นต้น เรียกได้ว่าได้ทั้งช้อปปิ้ง และทานโดรายากิอร่อยๆ ไปด้วยเลย
2. “อากาฟุกุ Akafuku”「赤福」
ต่อไปคือขนม “อากาฟุกุ” คือขนมโมจินุ่มๆ ห่อหุ้มด้วยถั่วแดงกวนแบบเนื้อละเอียด
ซึ่งขนมนี้เป็นขนมขึ้นชื่อของพื้นที่ “อิเสะ” ที่มี “ศาลเจ้าอิเสะ” ชื่อดังตั้งอยู่ โดยมีสาขาหลักอยู่ศูนย์กลางย่านโอคาเงะโยโกะโจ หน้าประตูศาลเจ้าอิเสะ และจุดเด่นของขนมอากะฟุกุก็คือ ลวดลายเป็นคลื่นบนขนมจากรอยนิ้วสองนิ้วอย่างประณีต เป็นขนมที่ไม่ว่าคนญี่ปุ่น หรือชาวต่างชาติก็จะต้องหลงรัก ด้วยการคัดสรรค์วัตถุดิบชั้นดี ถั่วแดงชั้นดีจากฮอกไกโด กวนจนเนื้อละเอียด มีความหอมและไม่หวานจนเกินไป ห่อหุ้มโมจินุ่มๆ เป็นรสสัมผัสที่มีเอกลักษณ์ของขนมญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ซึ่งขนม “อากาฟุกุ” นี้เป็นขนมที่หาซื้อได้เฉพาะบางพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น คือ โอซาก้า เกียวโต ชิงะ กิฟุ นารา เฮียวโงะ ไอจิ และมิเอะ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดมิเอะ และมีสาขาหลักตั้งอยู่ที่นั่น ซึ่งนอกจากร้านจำหน่ายเป็นแบบกล่อง (8 ชิ้น 760 เยน) แล้ว ในพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางนี้ยังมีส่วนคาเฟ่ ที่คุณสามารถนั่งทานขนม “อากาฟุกุ” ได้พร้อมๆ กับการดื่มชาอีกด้วย ซึ่งสาขาหลักนั้นตั้งอยู่ในย่านโอคาเงะโยโกะโจ ตั้งอยู่ใกล้ศาลเจ้าอิเสะที่โด่งดัง
อ่าน『รีวิว “ย่านโอคาเงะโยโกะโจ” และ “ศาลเจ้าอิเสะ”』 ได้ที่นี่คลิ๊กเลย
หมายเหตุ : ขนมอากาฟุกุนี้มีอายุเพียง 2 วันในฤดูร้อน และมีอายุ 3 วันในฤดูหนาว เฉพาะฉะนั้นจะต้องรีบรับประทานเลยไม่สามารถทิ้งไว้ได้นาน หากต้องการซื้อกลับไทยสามารถซื้อได้ที่สนามบินคันไซ(โอซาก้า) หรือ สนามบินชูบุเซ็นแทรร์(นาโกย่า) ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
3. “โยคัง Yokan”
และขนมชนิดสุดท้ายก็คือ “โยคัง” ที่เรียกได้ว่าเป็นขนมประจำชาติญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เป็นขนมที่เรียบง่าย มีส่วนประกอบหลักคือ ถั่วแดงบดเนื้อละเอียด น้ำตาล และน้ำ อัดจนเป็นแท่งนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นขนมที่เรียบง่าย แต่มีความเข้ากับชาร้อนๆ แบบดั้งเดิมเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นขนมประจำชาติญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
ซึ่ง “โยคัง” จะแบ่งออกเป็นหลากหลายแบบตามสัดส่วนและวัตถุดิบ ซึ่งชนิดที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น “มิซึโยคัง” จะมีความชุ่มชื้นทานง่าย เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมากจะมีความนิ่มกว่าโยคังแบบธรรมดา นอกจากนี้ยังมีโยคังรสชาติต่างๆ เช่น ชาเขียว มันเทศ หรือน้ำตาลดำ เป็นต้น
นอกจากส่วนผสมที่หลากหลายแล้ว ยังมีรูปแบบหรือลูกเล่นต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น โยคังที่มีวุ่นอยู่ตรงกลาง และภายในวุ้นประกอบไปด้วยเกาลัดหรือของตกแต่งต่างๆ สวยงาม เท่านั้นไม่พอมีโยคังที่ผสมผสานวัตถุดิบแบบตะวันตกอย่าง ชีส หรือ ครีม ต่างๆ อีกด้วย
“โยคัง” นี้จะมีอยู่หลายระดับ สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าหรูหรา ราคาตั้งแต่ 100 เยน ถึง หลายพันเยน ขึ้นอยู่กับขนาดและยี่ห้อ ซึ่ง “โยคัง” ขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นก็คือโยคังของร้าน『โทรายะ Toraya』จำหน่ายอยู่เกือบทั่วประเทศ มีหลากหลายรสชาติ และหลากหลายขนาด
ร้านขนมเก่าแก่ชื่อดังของญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการมาเกือบ 500 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2063 โดยที่ขนมโยคังของร้าน “โทรายะ Toraya” นี้จะมีทั้งแบบธรรมดาทั่วไป「Yoru no Ume」, แบบผสมมัทฉะ「Shimmidori」, น้ำตาลดำ, น้ำผึ้ง และ ชาดำ รวมทั้งหมด 5 รสชาติ ไม่ว่ารสชาติไหนๆ ก็หอม อร่อย รสชาติพอดีไม่หวานจนเกินไป แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของขนมญี่ปุ่นออกมาได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าร้าน “โทรายะ Toraya” นี้จะมีสาขาหลักอยู่ที่โตเกียว แต่ก็สามารถหาซื้อได้ตามชั้นใต้ดินห้างสรรสินค้าใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศตั้งแต่ เหนือสุดที่ ฮอกไกโด ไปจนถึงทางใต้ที่เกาะคิวชู ราคาขนาดเล็กจำนวน 5 แท่งอยู่ที่ 1300 เยน ราคาก็ไม่สูงมาก ยังไงลองหาทานกันดูได้เลย
ขนมญี่ปุ่น “วากาชิ” ขนมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทั้ง 3 อย่างคือ “โดรายากิ Dorayaki” “อากาฟุกุ Akafuku” และ “โยคัง Yokan” ที่กล่าวมานี้ไม่ว่าคนญี่ปุ่นคนไหนๆ ก็จะต้องรู้จัก ซึ่ง “ขนมวากาชิ” นี้เองก็เป็นอีกหนึ่ง “ความเป็นญี่ปุ่น” ที่คุณสามารถ “สัมผัสความสวยงามประณีตได้ด้วยตา” และ “สัมผัสรสชาติความอร่อย” หรือสามารถนำไปฝากเพื่อนๆ หรือครอบครัว เพื่อหอบความเป็นญี่ปุ่นในรูปแบบขนมแบบดั้งเดิมไปฝากคนที่ประเทศไทยได้อีกด้วย ซึ่งนอกจากขนมที่ได้กล่าวไปแล้วยังมี “วากาชิ” อยู่อีกมากมาย ยังไงลองหาซื้อทาน หรือซื้อไปเป็นของฝากกันดูได้เลย แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า♪