ควรรู้! ประโยคภาษาญี่ปุ่นเพื่อ “ถามทาง” “ถามวิธีการขึ้นรถไฟ” และ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการขึ้นรถไฟ

08 Jul 2020
2433

หนึ่งอุปสรรคในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่สำคัญก็คือ “ภาษา” ทำให้ประสบปัญหาในการเดินทาง ทั้งวิธีการขึ้นและวิธีการซื้อตั๋วรถไฟ หรือรถบัส อีกทั้งในบางครั้งเกิดหลงทางระหว่างการท่องเที่ยว ในเวลาแบบนี้การสอบถามเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอาจเป็นเพียงหนทางเดียวในการแก้ปัญหา แต่ติดอยู่ตรงที่ “ภาษา” โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่อาจไม่ถนัดภาษาอังกฤษมากนัก ด้วยนิสัยใจคอของคนญี่ปุ่นที่เป็นคนขี้อาย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะสอบถามเป็นภาษาอังกฤษ ใบบางครั้งก็อาจโดยเมินได้(ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่อาจเป็นเพราะอายที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ)นั่นเอง

ดังนั้นในตอนนี้จะเป็นการแนะนำประโยคภาษาญี่ปุ่นที่จะเป็นตัวช่วยชั้นดีระหว่างการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกัน

มาเริ่มกันที่คำถามระหว่างการเดินเที่ยวในเมือง

「(สถานที่หมาย)WA DOKO DESUKA??」

「(สถานที่หมาย)วะ โดโคะ เดสุก้ะ??」( “สถานที่หมาย” อยู่ที่ไหน ครับ/คะ)

คำถามนี้สามารถใช้ถามสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในระยะใกล้เคียง ไม่ไกลมาก ซึ่ง “สถานที่หมาย” ในที่นี่จะหมายรวมไปถึง “สถานที่ท่องเที่ยว” “ห้างสรรพสินค้า” ซึ่งควรบอกชื่อสถานที่ให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังหมายรวมไปถึง “ห้องน้ำ” หรือ “สถานีต่างๆ” อีกด้วยค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น

「OSAKA JO WA DOKO DESUKA??」「โอซาก้าโจ วะ โดโคะ เดสุก้ะ??」(ปราสาทโอซาก้าอยู่ที่ไหน ครับ/คะ?)

「ISETAN WA DOKO DESUKA??」「อิเซตัน วะ โดโคะ เดสุก้ะ??」(ห้างสรรพสินค้าอิเซตันอยู่ที่ไหน ครับ/คะ?)

「TOILET WA DOKO DESUKA??」「โทอิเล็ท วะ โดโคะ เดสุก้ะ??」(ห้องน้ำอยู่ที่ไหน ครับ/คะ?)

「CAFÉ WA DOKODESUKA??」「คาเฟ่ วะ โดโคะ เดสุก้ะ??」(คาเฟ่อยู่ที่ไหน ครับ/คะ?)

เป็นประโยคที่สามารถใช้ได้ทั่วไปอย่างกว้างขวาง เพราะฉะนั้นถือเป็นประโยคที่สำคัญมากๆ เลยทีเดียว

「(ที่หมาย)MADENO IKIKATA WO OSHIETE KUDASAI」「(ที่หมาย)มาเดะโนะ อิคิคาตะ โอะ โอชิเอเตะ คุดาซัย」

(ช่วยบอกวิธีการเดินทางไป(ที่หมาย)หน่อย ครับ/ค่ะ)

ต่อไปเป็นคำถามที่ใช้ในการสอบถามการเดินทางในระยะไกล ที่จะต้องใช้ยานพาหนะในการเดินทาง(หรือ กรณีที่ยังไม่ถึงสถานีที่ใกล้ที่สุด)และต้องการทราบวิธีการเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ

ยกตัวอย่าง การสอบถามที่เคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามข้อมูลทในท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ

「ASAKUSA MADENO IKIKATA WO OSHIETE KUDASAI」「อาซากุสะ มาเดะโนะ อิคิคาตะ โอะ โอชิเอเตะ คุดาซัย」

(ช่วยบอกวิธีการเดินทางไป อาซากุสะ หน่อย ครับ/ค่ะ)เป็นต้น

ในกรณีคำถามแบบนี้ ควรเลือกถามจากผู้ที่มีข้อมูลที่แน่นอนอย่าง “เคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามข้อมูล” “เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ” “พนักงานโรงแรม” หรือ “ป้อมตำรวจ” มากกว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาทั่วไป

 “วิธีการขึ้นรถไฟ” การคมมานาคมทางรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้น ได้รับการพัฒนาไปยังก้าวไกล โดยเฉพาะระบบจำหน่ายตั๋วแบบอัตโนมัติ จากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ พร้อมเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ

ทั้ง “การซื้อตั๋วรถไฟ” หรือ “การผ่านช่องตรวจตั๋ว” จะเป็นระบบอัตโนมัติ สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือใช้บัตร IC CARD อย่าง Suica หรือICOCA และผ่านเข้าสู่ช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติไปได้เลย ทั้งสถานีภายใน “โตเกียว” “โอซาก้า” หรือพื้นที่อื่นๆ โดยส่วนใหญ่

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางภายในเมืองใหญ่บ่อยๆ ก็แนะนำให้ซื้อ IC CARD เอาไว้เพื่อใช้ในการเดินทางจะสะดวกสบายต่อการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนการซื้อ「JR Pass」ที่เป็นตั๋วการท่องเที่ยว การแลกตั๋ว หรือ การเดินทางระยะยาว จะซื้อตั๋วเหล่านี้จาก “เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว” เป็นหลัก ซึ่งอันที่จริงแล้วก็สามารถซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋วได้เช่นกัน แต่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นชินกับวิธีการซื้อ

การสนทนาต่างๆ ที่สามรถใช้ในการซื้อตั๋ว มีดังนี้

รถไฟระยะยาวของญี่ปุ่น(รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น หรือ รถไฟแบบด่วนพิเศษ เป็นต้น)ส่วนใหญ่จะแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

「JIYUUSEKI(自由席)」= Non-Reserved Seat ที่นั่งแบบจองไม่ระบุเลขที่นั่ง

「SHITEISEKI(指定席)」= Reserved Seat ที่นั่งแบบจองระบุเลขที่นั่ง

「GREEN SHA(グリーン車)」= Green Car(First Class)ที่นั่งชั้นดี

กรณีที่ต้องการนั่งรถไฟรอบล่าสุด สามารถพูดได้ว่า

「(สถานที่หมาย)MADE NO TICKET WO(ประเภทที่นั่ง) DE(จำนวน)MAI KUDASAI」

((สถานที่หมาย)มาเดะ โนะ จิเก็ตโตะ โอะ(ประเภทที่นั่ง)เดะ(จำนวน)มัย คุดาซัย)แปลว่า “ขอซื้อตั๋วไป (สถานที่หมาย) ด้วย (ประเภทที่นั่ง) (จำนวน) ใบ ครับ/ค่ะ”

ในกรณีที่ต้องการซื้อตั๋วเอาไว้ล่วงหน้า ควรตรวจสอบ “รอบเวลารถไฟ” หรือ “ชื่อสถานี” เอาไว้ก่อน

ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางด้วย “โทไคโด ชินคันเซ็น TOKAIDO SHINKANSEN” ระหว่าง “โตเกียว-ชินโอซาก้า”

 จะมีรถไฟอยู่ 3 ชนิดคือ(เร็วที่สุด)「NOZOMI」・(เร็ว)「HIKARI」และ(จอดทุกสถานี)「KODAMA」ซึ่งแต่ละประเภทจะมีตัวเลขลงท้ายที่แตกต่างกันออกไป(เช่น NOZOMI NO.1 หรือ NOZOMI 1)

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สามารถเช็คตารางเวลารถไฟได้ทางเว็บไซต์『Hyper Dia』

จากนั้นแจ้งที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วว่า

「(เดือน)GATSU(วัน)NICHI (สถานีที่ขึ้น)KARA(สถานีที่ลง)MADE (ชื่อรถไฟ+หมายเลข)GOU NO TICKET WO (ประเภทที่นั่ง)DE  (จำนวน) MAI KUDASAI」

「(เดือน)กัสสึ(วัน)นิจิ (สถานีที่ขึ้น)คาระ(สถานีที่ลง)มาเดะ (ชื่อรถไฟ+หมายเลข)โก โนะ ทิกเก็ตโตะ โอะ(ประเภทที่นั่ง)เดะ  (จำนวน) มัย คุดาซัย」

แปลว่า “ขอซื้อตั๋วรถไฟ「NOZOMI NO.5」แบบ Reserved Seat จากโตเกียว ไปเกียวโต จำนวน 5 ใบ ของวันที่ 12 เดือน 10 ครับ/ค่ะ”

(ตัวอย่าง)「10 GATSU 12 NICHI TOKYO KARA KYOTO MADE「NOZOMI 5 GOU」NO TICKET WO SHITEISEKI DE 5 MAI KUDASAI」

「10 กัสสึ 12 นิจิ โตเกียว คาระ เกียวโต มาเดะ「โนโซมิ 5 โก」โนะ ทิกเก็ตโตะ โอะ ชิเทอิเซกิ เดะ 5 มัย คุดาซัย」

(แปลว่า “ขอซื้อตั๋วรถไฟ「NOZOMI NO.5」แบบ Reserved Seat จากโตเกียว ไปเกียวโต จำนวน 5 ใบ ของวันที่ 12 เดือน 10 ครับ/ค่ะ)

 “วิธีการขึ้นรถไฟหลังจากการซื้อตั๋วแล้ว”

เมื่อซื้อตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังสถานที่หมาย แต่ ……. ชานชาลาของสถานีรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้น ยิ่งเป็นสถานีใหญ่ๆ ยิ่งมีเยอะมากๆ ซึ่งรถไฟที่มาจอดในแต่ละชานชาลาก็มีเส้นทาง และประเภทรถไฟ ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว แค่หาชานชาลารถไฟที่ต้องขึ้นก็ยังเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะการท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก

ในเวลาแบบนี้ สอบถามเจ้าหน้าที่สถานี จะได้คำตอบที่แม่นยำและรวดเร็วที่สุด

สำหรับคำถามการเดินทางด้วยรถไฟระยะสั้น

「(สถานีที่หมาย)IKINO (ชื่อรถไฟ)DENSHA WA DONO HOME KARA SHUPPATSU SHIMASUKA??」

「(สถานีที่หมาย)อิกิโนะ (ชื่อรถไฟ)เด็นชะ วะ โดโนะ โฮมมุ คาระ ชุปปะสึ ชิมัสก้ะ??」

(รถไฟ(ชื่อรถไฟ)ไป(สถานีที่หมาย)จะออกตัวจากชานชาลาไหน ครับ/คะ??)

สำหรับคำถามการเดินทางด้วยรถไฟระยะยาว เช่น รถไฟ JR รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น หรือ รถไฟแบบด่วนพิเศษ

「(ชื่อรถไฟ+หมายเลข เช่น:NOZOMI NO.5) WA DONO HOME KARA SHUPPATSU SHIMASUKA??」

「(ชื่อรถไฟ+หมายเลข เช่น:NOZOMI NO.5) วะ โดโนะ โฮมุ คาระ ชุปปะสึ ชิมัสก้ะ??」

((ชื่อรถไฟ+หมายเลข เช่น:NOZOMI NO.5)ออกจากชานชาลาไหน ครับ/คะ??)เป็นต้น

เมื่อขึ้นรถไฟมาแล้ว ก็นั่งรถไฟตรงไปที่สถานีที่ต้องการลงเลย แต่…….สถานที่ที่ต้องการลงไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสถานีปลายทางของรถไฟนั้นๆ เสมอไป ถึงแม้ว่าในช่วงนี้รถไฟส่วนใหญ่จะมีจอมอนิเตอร์เพื่อบอกชื่อสถานีต่อไปในแต่ละจุด และแสดงเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน แต่การทราบว่าต้องนั่งไปกี่สถานีถึงจะถึงสถานีที่หมายนั้นก็ทำให้อุ่นใจระหว่างการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นสามารถสอบถามได้ว่า

「(สถานีที่หมาย)MADE ATO IKUTSU DESUKA??」「(สถานีที่หมาย)มาเดะ อาโตะ อิคุสึ เดสุก้ะ??」

 (อีกกี่สถานีจะถึง (สถานีที่หมาย) ครับ/คะ??)

คำถามนี้สามารถถามจากเจ้าหน้าที่รถไฟ หรือคนที่อยู่ใกล้เคียงได้เลย

และน็คือ ประโยคภาษาญี่ปุ่นที่จะเป็นประโยชน์ระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะการสอบถาม “วิธีการเดินทาง”

ในประเทศญี่ปุ่นที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการบริการ หรือป้ายต่างๆ ที่เป็นภาษาต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังฤษ และภาษาจีน ซึ่งหากสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ ก็สามารถท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามการจำประโยคง่ายๆ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การสื่อสารกับคนญี่ปุ่นเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ยังไงลองนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นดูได้เลย แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า♪